เมื่อวันที่ 28 ต.ค. นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ผมติดตามราคาข้าวเปลือกของฤดูกาลผลิต 2559/2560 ซึ่งจะมีปริมาณข้าวออกสู่ตลาดในช่วง 2-3 เดือนนี้ประมาณ 22-25 ล้านตัน ราคาข้าวเปลือกเจ้าและหอมมะลิเหลือตันละ 5-6,000 บาท จากที่ชาวนาเคยขายได้ราคาตันละ 15,000-20,000 บาท ตามนโยบายการแทรกแซงตลาดของพรรคเพื่อไทย ทำให้ชาวนาต้องขาดทุนเพราะต้นทุนการผลิตตกตันละประมาณ 10,000 บาท เป็นผลให้เงินของชาวนาหายไปประมาณ 250,000 ล้านบาท เงินจำนวนนี้จะเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอีกหลายรอบ ทำให้กำลังซื้อหายไปไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านล้านบาท จึงไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดเศรษฐกิจของไทยจึงแย่และไม่มีทางจะฟื้นตัว สิ่งที่น่าเศร้าไปกว่านั้น คือรัฐบาลนี้ได้เอานโยบายการช่วยเหลือเกษตรกร มาเป็นเครื่องมือทำลายพรรคเพื่อไทยและผู้เกี่ยวข้อง แต่กลับไม่ได้หามาตรการอื่นมาทดแทน ทิ้งให้เกษตรกรซึ่งยากจนและเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ต้องเผชิญกับปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำตามยถากรรม มีอคติจนลืมไปว่าการดูแลเกษตรกรไม่ใช่การสงเคราะห์ แต่เป็นการสร้างกำลังซื้อให้กับคนส่วนใหญ่อันเป็นมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งไม่ต่างจากที่รัฐบาลนี้ทำโดยการอัดเม็ดเงินเข้าไปที่หมู่บ้านละ 2.5 แสนบาท แต่ได้ผลน้อยกว่าการช่วยเหลือเกษตรกรเพราะคนได้ประโยชน์อยู่ในวงจำกัด จึงเกิดปรากฏการณ์ที่คนไทยต้องขนเงินออกไปลงทุนต่างประเทศ เพราะมองไม่เห็นอนาคต

“นอกจากการทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามแล้ว รัฐบาลยังปิดหูปิดตาประชาชนโดยรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจแสดงความโกรธเกรี้ยวผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจไทยที่กำลังแย่ อ้างว่าประเทศไทยอยู่ในช่วงเศร้าโศกและอ่อนไหว ไม่ควรใช้จังหวะนี้ออกมาพูด แต่รัฐบาลกลับออกมาโฆษณาชวนเชื่อสร้างความสับสนให้ประชาชนได้แทบทุกวัน ที่แย่ไปกว่านั้นคือการอ้างกฎหมายจัดการกับคนที่ไม่มีทางสู้ กรณีหัวหน้ารัฐบาลออกคำสั่งทางปกครองเรียกร้องให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ชำระค่าเสียหายจากการดำเนินนโยบายช่วยเหลือชาวนา แต่นิรโทษกรรมตัวเองและพรรคพวกไม่ต้องรับผิดชอบไว้ล่วงหน้า ครั้นพอมีชาวนาเห็นใจจะบริจาคเงินช่วยเหลือนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่ถูกดำเนินคดีโดยไม่เป็นธรรม กลับถูกทหารเรียกพบและบุกถึงบ้านทั้งที่เป็นสิทธิและเสรีภาพของชาวนา ช่างกล้าหาญและสง่างามจริงๆ ท่านพลเอกแห่งกองทัพไทย” นายวัฒนะ ระบุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน