ศาลพิพากษายกฟ้อง อธิบดีกรมน้ำบาดาล-2 พิธีดัง หมิ่นประมาท อดีตส.ส.เพื่อไทย ชี้เป็นเรื่องประโยชน์สาธารณะ มีความชอบธรรมเปิดเผย เพื่อป้องกันส่วนได้เสียตามคลองธรรม เเละติชมด้วยความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย.65ที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ศาลนัดฟังคำพิพากษาชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดี ที่นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ อดีตส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย ยื่นฟ้องนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ,นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ,น.ส.อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ 2 พิธีกรข่าวชื่อดัง เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำฟ้องโจทก์สรุปว่า โจทก์เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร ปัจจุบันเป็นส.ส. และนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดมุกดาหาร เขตเลือกตั้งที่ 1 สามสมัย และเป็นรองประธาน คณะอนุกมธ.แผนงานบูรณาการ 2 คนที่หนึ่ง ในคณะกมธ.วิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำเลยที่ 2,3 เป็นผู้ประกาศข่าวรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ทางโทรทัศน์ช่อง 9 แอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก และยูทูบ เป็นการทั่วไป

ระหว่างวันที่ 17 ธ.ค.64 เวลากลางวันจนถึงวันฟ้องต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำ ความผิด จำเลยที่ 1 ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand โดยมีจำเลยที่ 2-3 เป็นผู้สัมภาษณ์ ในกรณีที่จำเลยที่ 1 กล่าวหาโจทก์ว่าเรียกรับ เงิน 5 ล้านบาท จากจำเลยที่ 1 เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล โดยจำเลยที่ 2-3 ร่วมกันใส่ความว่า โจทก์ซึ่งเป็น ส.ส.มุกดาหาร เพื่อไทย เป็นคณะอนุกรรมธิการงบประมาณฯ ไปเรียกรับจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จำนวน 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี

จากการให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 กล่าวว่าคนที่โทรมาหาจำเลยที่ 1 เป็นรองประธาน กมธ.งบประมาณ ซึ่งประชาชนผู้รับชมรายการย่อมทราบดีว่าหมายถึงโจทก์ ประกอบกับก่อนเริ่มสัมภาษณ์ จำเลยที่ 2-3 ใส่ความโจทก์อยู่ก่อนแล้ว โดยพูดคุยเสนอข่าวถึงโจทก์ ทำนองให้จำเลยที่ 1 เล่าเรื่องให้ฟัง พร้อมนำภาพของโจทก์ขึ้นแสดงขณะเสนอข่าว การกระทำของจำเลยทั้งสาม เป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต้องถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เหตุเกิดที่ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี และทั่วราชอาณาจักรต่อเนื่องกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา 326,328,83,90,91

โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 กล่าวว่า รองประธานอนุกมธ.คนหนึ่งโทรศัพท์มาเรียกเงิน 5 ล้านบาท หรืองานบ่อบาดาลภาคอีสานทั้งหมดจากจำเลยที่ 1 เพื่อแลกกับการผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่จำเลยที่ 1 กล่าวเช่นนั้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปทราบถึงการกระทำที่จำเลยที่ 1 เห็นว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ซึ่งการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น ถือเป็นเรื่องประโยชน์สาธารณะ ที่ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบได้

ดังนั้นจำเลยที่ 1 จึงมีความชอบธรรมที่จะเปิดเผยให้ประชาชนทราบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวเพื่อป้องกัน ส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตลอดจนแสดงความคิดเห็นติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งการกระทำดังกล่าวอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ และจากการกระทำของจำเลย ที่ 1 ดังกล่าว มีผลให้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ต่อมา ป.ป.ช.มีมติชี้มูลและยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา จำเลยที่ 1 ยังเบิก ความต่อศาลยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อศาลฎีกาตามคำเบิกความพยานผู้ร้อง ศาลฎีการับคำร้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งให้โจทก์หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาการแสดงข้อความของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบ ธรรมป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และเป็นการติชมด้วย ความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำไม่มีมูลความผิด ฐานหมิ่นประมาท

สำหรับจำเลยที่ 2-3 เห็นว่า จากข้อความ แม้จะมีการระบุชื่อและชื่อสกุลโจทก์ แต่จากถ้อยคำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการให้ข่าวว่า ศาลมีคำสั่งให้โจทก์หยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นการเล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อันมีลักษณะเป็นการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผย โจทก์ถูกป.ป.ช.แห่งชาติชี้มูลความผิด และยื่นในศาล การกระทำของจำเลยที่2-3 จึงไม่มีมูลความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน