เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่ศาลแขวงปทุมวัน ถ.พระราม 4 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งที่ 3 คดี อ.363/2558 พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอภิชาต พงษ์สวัสดิ์ นักวิชาการด้านกฎหมาย เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557 ลงวันที่ 22 พ.ค. 2557 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง ซึ่งเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิกและกระทำผิดต่อพ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 มาตรา 8 และ 11 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 , 216 , 368 วรรคแรก

จากกรณีวันที่ 23 พ.ค.57 จำเลยกับพวกอีก 500 คนที่หลบหนีไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้มั่วสุมชุมนุมคัดค้านการรัฐประหารของ คสช. โดยจำเลยกับพวกชูป้ายว่า “ไม่ยอมรับอำนาจเถื่อน” บริเวณหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และด่าทอ โห่ร้อง เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย บริเวณหอศิลปฯ
วันนี้ นายอภิชาต จำเลย เดินทางมาพร้อมนายรัษฎา มนูรัษฎา ทนายความและเพื่อนประมาณ 2-3 คน แต่เมื่อถึงเวลา ปรากฏว่าศาลมีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน เป็นวันที่ 31 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. เนื่องจากคำพิพากษาชั้นศาลอุทธรณ์ยังไม่เสร็จ

นายอภิชาต เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์แจ้งเลื่อนอ่านคำพิพากษา เพราะคดีมีความซับซ้อน โดยคดีนี้อัยการโจทก์ไม่ได้ยื่นคำร้องใดเพิ่มเติม ตนมั่นใจในประเด็นข้อกฎหมายที่ยื่นต่อสู้ไป 6-7 ประเด็น รวมทั้งประเด็นข้อเท็จจริงด้วย ทั้งนี้ ไม่รู้สึกกดดัน เพราะต่อสู้ประเด็นตามกฎหมาย

เมื่อถามถึงความเป็นห่วงผู้ชุมนุมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยซึ่งชุมนุมต่อต้าน คสช.ที่สกายวอล์ค บีทีเอส แยกประทุมวันล่าสุด โดยถูกแจ้งข้อหาขัดคำสั่งคสช.คล้ายกัน นายอภิชาต กล่าวว่า เป็นฐานความผิดเดียวกัน คือขัดคำสั่ง คสช.3/2558 หากคดีของตนมีบรรทัดฐานว่ายกฟ้อง ก็อาจเป็นผลดีกับ 7 คนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2559 ให้ยกฟ้องนายอภิชาต เนื่องจากยังฟังไม่ได้ว่ากองบังคับการปราบปราม มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาในท้องที่เขตปทุมวันในคดีนี้ และยังฟังไม่ได้ว่าพนักงานสอบสวน กก.1 ป. มีอำนาจหน้าที่สอบสวนความผิดตามข้อกล่าวหาในคดีนี้ กรณีจึงฟังไม่ได้ว่ามีการสอบสวนความผิดตามข้อกล่าวหาโดยชอบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่น

ต่อมาอัยการโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย เรื่องขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเรื่องอำนาจการสอบสวน กระทั่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพนักงานสอบสวนกองปราบฯมีอำนาจสอบสวน จึงให้ย้อนสำนวนส่งกลับให้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำพิพากษาใหม่ ซึ่งศาลแขวงปทุมวันที่เป็นศาลชั้นต้น ได้พิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.59 โดยศาลเห็นว่าการกระทำของนายอภิชาต ฝ่าฝืนประกาศ คสช.และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 จึงพิพากษาให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 6,000 บาท แต่ศาลเห็นว่าไม่เคยต้องโทษคดีอาญามาก่อน จึงให้รอลงอาญา 1 ปี กระทั่งจำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์สู้คดีอีกว่าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิด ส่วนอัยการโจทก์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน