“ราเมศ” กรีดกลับ “ทนายแม้ว” ยัน “ชวน” ไม่คิดหนีคดีเหมือน “ทักษิณ” ชี้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม -ไม่พูดเอาดีใส่ตัว แค่อธิบายข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2565 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา และทนายความของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมากล่าวหานายชวนว่าทำให้คดีล่าช้า กรณีถูกฟ้องคดีข้อหาหมิ่นประมาท ว่า หลักการเรื่องนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เป็นเรื่องการทำหน้าที่ของตำรวจที่ต้องให้เกียรติ ตนไม่ขอก้าวล่วง

นายราเมศ กล่าวต่อว่า คดีนี้หลังจากที่มีการแจ้งความ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกสอบพยานหลายคน ทั้งผู้ที่ไปฟังนายชวนบรรยายในวันเกิดเหตุ รวมถึงพยานบุคคลคนอื่นๆ ต้องย้ำว่านักกฎหมายจะทราบดีว่า เมื่อมีใครไปแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับบุคคลใด ตำรวจมีอำนาจในการสอบสวนตรวจหลักฐาน หาพยานหลักฐานเบื้องต้นว่า คดีดังกล่าวจะมีมูลความผิดหรือไม่เพียงใด ก่อนที่จะมีการแจ้งข้อหา คดีนี้ก็เช่นกันที่มีการสอบพยานหลายคนในชั้นสอบสวน ก่อนดำเนินการต่อ

นายราเมศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนมีหมายเพื่อนัดวันเวลากัน แต่ปรากฏว่ามีเวลาไม่ตรงกัน จึงเลื่อนเวลานัดพบและเป็นเรื่องปกติในทางคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนก็แจ้งว่าจะมีการนัดหมายกันใหม่ แต่ก็ไม่ได้มีการนัดหมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งคดีได้เงียบหายไป ทุกฝ่ายก็คิดว่ายุติไปแล้ว

“ไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนีหรือประวิงคดีแต่อย่างใด เพราะถ้าจะประวิงคดีหรือคิดหลบหนี เหตุใดจึงเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการ และที่สำคัญนายชวนไม่เคยคิดหนีคดีเหมือนนายทักษิณ ส่วนที่ถามว่าจะสู้คดีจริงหรือไม่ อย่าตั้งคำถามประเด็นนี้เลย เพราะต้องเจอกันที่ศาลอีกหลายครั้ง ให้รู้อย่างเดียวว่าไม่คิดหนีคดีแน่นอน” นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวต่อว่า หมายเรียกล่าสุดที่ส่งไปที่บ้าน จ.ตรัง คือหมายเรียกฉบับลงวันที่ 22 ต.ค.2565 ให้นายชวนไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อหาในวันที่ 25 ต.ค. เวลา 10.00 น. โดยหมายเรียกฉบับนี้ถึงบ้านนายชวนที่ จ.ตรัง ในวันที่ 26 ต.ค. เวลา 10.35 น. ซึ่งหมายเรียกดังกล่าวออกมาก่อนคดีหมดอายุความในวันที่ 28 ต.ค.2565 นายชวนก็ได้เดินทางเข้าพบพนักงานอัยการ เพื่อส่งฟ้องคดี เนื่องจากตนทราบว่าคดีนี้สำนวนได้อยู่ที่สำนักงานอัยการแล้ว

นายราเมศ กล่าวด้วยว่า การกล่าวหานายชวนว่า ใช้สิทธิอะไรสั่งตำรวจและอัยการนั้น เรื่องนี้ทางตำรวจและอัยการทราบดีถึงกระบวนการ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดได้ชี้แจงรายละเอียดครบถ้วนแล้ว และนายชวนไม่ได้มีอำนาจไปสั่งตำรวจและอัยการแน่นอน ทุกอย่างเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละองค์กร

“เวลาของอายุความที่เหลือ 3 วัน ถ้าคิดจะหนีคดีเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี คงหนีไปแล้ว แต่เข้าสู่กระบวนการต่อสู้คดี ไม่เคยคิดหนีคดีแต่อย่างใด ที่นายชวนให้สัมภาษณ์ เป็นเรื่องการอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่พูดเพื่อเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น นายชวนเป็นผู้ที่ถูกฟ้อง การชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นเรื่องปกติ และคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลยุติธรรม ก็ต้องให้เกียรติอำนาจตุลาการที่ไม่ควรมาพูด” นายราเมศ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน