สละพี่ป้อมรักษาเรือแป๊ะ?

ใบตองแห้ง

“ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมพร้อมที่จะไป” ไม่ทันสิ้นเสียงจากก้นบึ้งหัวใจ ก็มีคนเข้าชื่อไล่พี่ป้อมเซ็งแซ่ในโลกออนไลน์

เดี๋ยวนะๆ พวกเข้าชื่อจะอ้างตัวเป็นประชาชนส่วนใหญ่ได้ไง แค่คนไม่กี่หมื่น ก็ไม่ต่างกับนิด้าโพล สำรวจคนแค่พันสองพัน บังอาจสรุปว่าเกิดความไม่โปร่งใสในรัฐบาล ไม่ยักเหมือนลุงตู่ ตั้ง 4 คำถาม 6 คำถาม มีคนเชียร์ตั้ง 1.4 ล้าน

ฉะนั้นใครอยากให้พี่ป้อมลาออก ก็ต้องยืดอกพกบัตรไปแจ้งศูนย์ดำรงธรรม ถือเป็นการแสดงออก การมี ส่วนร่วม อย่างรู้หน้าที่มีวินัยของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยไทยนิยม

แต่ถ้าประเมินจากสิ่งที่เรียกว่า “กระแสสังคม” ทั้งในหน้าสื่อ หน้าจอสมาร์ตโฟน โดยเฉพาะคนที่เป็นกองหนุนรัฐบาล กองหนุนรัฐประหาร ก็มีไม่น้อยเลยนะ ที่ต้องการให้พี่ป้อม “ออกไป” บ้างก็เกลียดตัวกินไข่ บ้างก็ไม่เห็นเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรหรอก แต่มองว่าต้อง “กำจัดจุดอ่อน” สละพี่เพื่อน้อง ถ้าพี่ป้อมเสียสละ คสช.จะอยู่ยาว พวกจ้องโค่นจ้องทำลายไม่สามารถเอามาเป็นเงื่อนไข

ไม่รู้หลอกกันหรือเปล่า แต่บางคนก็สดุดีเป็นหางว่าว ให้ถอยตามยุทธวิธี พลีชีพเพื่อชาติ แก้อาถรรพ์จันทรคราส ถอดสลักนาฬิกา แล้วเรื่องเลื่อนเลือกตั้งจะไม่มีใครทวงคำมั่นสัญญา มีแต่ไอ้พวกกเฬวรากขี้ข้าต่างชาติที่นึกว่ารัฐบาลขาลง ออกมารุมทึ้ง จนโดนดำเนินคดีไปร้อยกว่าคน

สมองคนที่คิดแบบนี้น่าสนใจผ่าวิเคราะห์ เพราะมองว่ากองหนุนหดหายแค่เรื่องนาฬิกา แต่เลื่อนเลือกตั้งไม่มีปัญหา ยิ่งใช้อำนาจกับคนคัดค้านยิ่งสะใจ จับไอ้พวกเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้หมด ยิ่งมั่นคง

ทั้งที่ถ้ามองแรงกดดันรัฐบาลช่วงนี้ ประเด็นเลื่อนเลือกตั้งใหญ่กว่า เพราะเป็นทิศทางอนาคตของประเทศ ประเด็นนาฬิกายังเป็นรอง เป็นเรื่องของพฤติกรรมผู้มีอำนาจในรัฐบาล

ประเด็นนาฬิกามาก่อนตั้งนาน ไม่ยักสะทกสะท้าน แต่เมื่อ 2 เรื่องซ้อนกัน ก็เพิ่มแรงบีบให้พี่ป้อมพลีชีพรักษาเรือแป๊ะซะงั้น

แหม่ ไม่ค่อยยุติธรรมเลย ฮิฮิ ทำราวกับถ้าพี่ป้อมโดดเรือ แล้วจะฝากหิ้วของเน่าเสียทั้งหลายไปด้วย ตูมเดียวตัวเบา เรือแป๊ะขาขึ้น แล่นฉิวเข้าฝั่งสู่การเลือกตั้งต้นปีหรือกลางปีหน้า ต่อท่ออำนาจได้อย่างราบรื่น

หลับตาข้างหนึ่งไม่พอ อีกข้างยังไม่เห็นคุณค่าพี่ป้อมที่คุมกำลังฝีพายจ่ายเสบียงช่วยนายท้าย ต่อให้ไม่เกิดอุบัติเหตุยกมือบังแดดสะท้อนแหวนนาฬิกา การไม่สามารถไปสู่เลือกตั้งตามคำมั่นสัญญา การไม่สามารถเปลี่ยนผ่านอำนาจไปสู่เลือกตั้งได้อย่างราบรื่น ก็เป็นคลื่นลมถล่มเรือแป๊ะอยู่ดี

ภายใต้ทิศทางเช่นนี้ พลีชีพพี่ป้อม ก็ลดแรงกดดันเฉพาะหน้าได้แป๊บเดียว แต่เสียแม่ทัพใหญ่ในระยะยาว กองหนุนที่หดหายเพราะนาฬิกาอาจกลับมากระเหี้ยนกระหือรือให้เอาพวกอยากเลือกตั้งเข้าคุกให้หมด แต่ถามจริง พวกที่หด ไปเพราะทิศทางของการยื้ออำนาจขยายอำนาจ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ อย่างอดีตพันธมิตร NGO ม็อบต้านโรงไฟฟ้า หรือคนกลางๆ ที่เบื่อเพลง “ขอเวลาอีกไม่นาน” จะกลับมาไหม

ทิศทางของเรือแป๊ะ พูดให้ถึงที่สุด คือไม่มีทิศทาง ได้แต่ลอยเคว้งคว้าง สองจิตสองใจว่าจะเบนหางเสือเข้าดงโขดหินดีไหม ถ้าเลือกแล่นเข้าสู่เลือกตั้ง พึ่งพรรคการเมืองใหม่ เบียดสู้ 2 พรรคใหญ่ อาศัยส.ว.แต่งตั้งโหวตนายกฯ คนนอก ก็ไม่มั่นใจว่าจะกุมอำนาจได้มั่นคง หมด ม.44 ไม่รู้จะโดนรุมกินโต๊ะเมื่อไหร่ แต่ถ้าลอยเท้งเต้งต่อไป ก็เสี่ยงมรสุมใหญ่

เอาแค่ในระยะเฉพาะหน้า ก็เจอพายุกระหน่ำ เหมือนมีคลื่นทั้งบนน้ำใต้น้ำ จนเกิดความหวาดวิตก ไม่มั่นใจในอำนาจ

การดำเนินคดีนักกิจกรรมเดินมิตรภาพ 8 คน ปูพรมกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย 100 กว่าคน แถมกล่าวหามีท่อน้ำเลี้ยง ขณะที่สื่อกระบอกเสียงโหมให้ร้าย มองมุมหนึ่งก็เหมือนพิสูจน์อำนาจเข้มแข็ง ใครอย่าท้าทาย มองอีกมุมก็เหมือนหวาดระแวง ไม่มั่นใจว่าจะกุมสถานการณ์ได้ ทั้งทีหากนับถอยหลังสู่เลือกตั้ง สถานการณ์การเมืองควรจะค่อยๆ ผ่อนคลาย เปิดพื้นที่ถ้อยทีถ้อยอาศัย ลดแรงเสียดทาน

แต่เมื่อการเมืองกลับมาร้อนแรงอย่างนี้ ก็ต้องถามว่านี่หรือที่สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังท่องคาถานักลงทุนเชื่อมั่น ช่วงเวลาปีเศษจากนี้ไปถ้ามีการเผชิญหน้ากับประชาชนกลุ่มต่างๆ มากขึ้น แล้วจะยอมให้มีเลือกตั้งหรือไม่

สถานการณ์อย่างนี้ เรียกร้องให้พี่ป้อมพลีชีพ ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากหรอก อย่าแยกพี่แยกน้องในช่วงที่ต้องฝ่าฟัน ให้กอดกันกลมอยู่ในเรือแป๊ะดีกว่า

(หน้า 6)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน