“อุตตม” หนุน ปรับค่าแรง เพื่อให้แรงงานดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ-ต้องไม่กระทบผู้ประกอบการ แนะ ใช้หลักขึ้นตามประเภทฝีมือแรงงาน แทนขึ้นตามพื้นที่

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2565 นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีมีการเสนอนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ระบุว่า ส่วนตัวเห็นว่าประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ภายใต้ความสมดุลใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1.ปรับเพื่อให้แรงงานสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ สอดคล้องกับต้นทุนค่าใช้จ่ายการใช้ชีวิตในปัจจุบัน 2.ปรับขึ้นค่าแรงต้องไม่กระทบกับผู้ประกอบการ เนื่องจากในภาพรวมผู้ประกอบการส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ยังไม่หายบาดเจ็บจากโควิด และเชื่อว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะฟื้นตัว

นายอุตตม ระบุว่า การปรับค่าแรงขั้นต่ำบนพื้นฐานของความสมดุลควรทำอย่างไร ตนเห็นว่าต้องใช้ระบบกำหนดค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำแบบใหม่ จากเดิมที่กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำตามพื้นที่ พื้นที่ใดค่าครองชีพสูงก็ได้ค่าแรงสูง ค่าครองชีพต่ำก็ได้ค่าแรงต่ำ เปลี่ยนเป็นการกำหนดค่าแรงที่ยึดเอาประสิทธิภาพของแรงงานเป็นหลัก จะตอบโจทย์ความเป็นไปในสถานการณ์ปัจจุบัน และการพัฒนาประเทศในโลกอนาคตมากกว่า

วันนี้ประชากรในวัยแรงงานของไทย มีประมาณ 38 ล้านคน แบ่งเป็นภาคบริการและการค้า 18 ล้านคน ภาคเกษตร 10 ล้านคน และภาคการผลิตอุตสาหกรรม 10 ล้านคน นับเป็นกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ จึงควรได้รับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ที่เหมาะสม และส่งเสริมให้เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศอย่างเต็มที่

นายอุตตม ระบุต่อว่า หากเป็นประเภทแรงงานเข้มข้น หรือแรงงานที่ไม่มีทักษะก็กำหนดค่าแรงอัตราหนึ่ง ที่สามารถอยู่ได้ในคุณภาพชีวิตที่ดีพอ แต่หากเป็นแรงงานที่ต้องใช้ทักษะเพิ่มก็ควรได้รับอัตราค่าแรงที่สูงกว่า ขณะเดียวกันภาครัฐก็จะต้องมีมาตรการยกระดับทักษะแรงงาน เพื่อให้แรงงานขั้นพื้นฐานสามารถยกระดับขึ้นไปขั้นที่สูงกว่า ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับของประเทศสิงคโปร์ หากทำได้เช่นนี้ก็จะเป็นการสนับสนุนให้แรงงานเป็นส่วนสำคัญ ในการผลักดันให้เกิดกิจกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง

นายอุตตม ระบุว่า ส่วนแรงงานระดับมีการศึกษาสูง เช่น อนุปริญญา ปริญญาตรี ถือเป็นกลุ่มหัวขบวนในการพัฒนาประเทศ เราน่าจะใช้โอกาสนี้ปรับโครงสร้างรายได้แรงงานกลุ่มนี้ ให้รองรับกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศในโลกยุคใหม่

โดยหากเรียนจบสาขาอาชีพที่ตรงกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ควรได้รับค่าแรงสูงกว่าอาชีพอื่น เช่น สาขาเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งจะเป็นการจูงใจให้มีตลาดแรงานป้อนเข้าสู่ภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรมเป้าหมายในการพัฒนาประเทศมากขึ้น และภาครัฐต้องมีมาตรการช่วยพัฒนาในทุกสาขาอาชีพให้มีโอกาสเพิ่มพูนทักษะและรายได้ด้วยเช่นกัน

“ผมคิดว่าการปรับแนวคิดวิธีกำหนดค่าแรงขั้นต่ำแบบยึดประสิทธิภาพแรงงาน นอกจากจะเป็นประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อผู้ใช้แรงงานแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมให้มีความเข้มแข็งขึ้นด้วย เป็นการสร้างสมดุลทั้งด้านแรงงานและผู้ประกอบการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศทั้งระบบ” นายอุตตม ระบุ

นายอุตตม ระบุอีกว่า สิ่งที่ตนนำเสนอนี้อยู่บนฐานความคิดว่า วันนี้เราไม่ควรย่ำอยู่กับแนวทางแบบเดิม แต่ต้องเร่งพัฒนาด้วยวิถีทางใหม่ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก และครั้งหน้าตนจะมาขยายแนวคิดนี้เพิ่มเติม เพื่อจะชี้ให้เห็นว่าหากประเทศไทยไม่เดินบนวิถีทางใหม่จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจประเทศอย่างไร อย่างประมาทเพราะมีอะไรซ้อนอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งอีกเยอะ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน