‘ประยุทธ์’ขู่! ฝ่ายมั่นคงมีข้อมูลคนบูลลี่-บิดเบือนในสถานศึกษา ขอร้องหยุดเถอะ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ธ.ค.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญกว่าการเลือกตั้งในวันนี้ คือความรักความสามัคคีก็เห็นกันแล้วว่า จริงๆ แล้วนายกฯ ยึดแนวทางนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะในสถานศึกษาเรื่องการบูลลี่ การบิดเบือนอะไรต่างๆ ต้องไปดูว่าใครเป็นคนทำ ต้นตอมาจากใคร ใครเป็นคนเริ่มต้น สิ่งนี้คือสิ่งที่อันตรายที่สุดในการศึกษา ครูมีหน้าที่ทำให้ผ้าขาวผืนนี้เป็นผ้าขาวที่บริสุทธิ์ เพราะเด็กเหล่านี้เป็นคนบริสุทธิ์ ภูมิต้านทานต่างๆ อาจจะน้อยอาจจะเชื่อง่าย สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่โลกปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่เราต้องสอนให้คนมีหลักคิด ตั้งแต่เด็กรู้จักหน้าที่มีวินัยใฝ่การเรียนรู้เวลานี้คือเวลาในการศึกษาเล่าเรียน เพราะฉะนั้นครูมีบทบาทสำคัญ ที่ผ่านมาไม่ใช่เราไม่สนใจในเรื่องเหล่านี้ ว่ามีการตรวจสอบดำเนินคดี มีการสอบสวนเยอะแยะไปหมด แต่อีกมาตรการหนึ่งคือต้องระมัดระวัง ไม่ให้อะไรบานปลาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากขอไปยังสถานศึกษา จากข้อมูลฝ่ายความมั่นคงมีอยู่หลายคนด้วยกัน ต้องเปลี่ยนความคิดความรับผิดชอบ ให้คนไม่เคารพครอบครัว ไม่เคารพกฎหมายอะไรเลย สิ่งเหล่านี้จะเป็นอันตรายที่สุด ถึงท่านจะชนะไป ท่านก็จะได้รับประเทศที่เสียหายให้แตกเป็นชิ้นๆ แล้วจะมาประสานกลับมาได้อย่างไร ขอร้องเถอะหยุดเถอะครับ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย ที่ผ่านมาก็ใช้กฎหมาย แต่กลไกทางกฎหมายมีกระบวนการของเขา มีการลงโทษมีการประกัน ตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ เป็นเรื่องของศาล เป็นเรื่องของอัยการ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือหากร่วมมือกัน สร้างพลังประชาชน อย่าทำกันได้หรือไม่

“ผมว่าคนที่คิดแบบผมก็มีเยอะ แต่อาจจะไม่ค่อยกล้าแสดงออกมา เพราะไม่อยากทะเลาะด้วยกับคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ก็เหิมเกริมทำมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่เกรงกลัวอะไรเลย สิ่งเหล่านี้อันตรายที่สุด กฎหมายก็ไม่เป็นกฎหมาย ผมจำเป็นต้องย้ำไป เรียกมาอบรมได้ไหมให้โอกาสปรับปรุงตัว วันนี้บางคนเกินเลยไปแล้ว หลายคนก็กลับมา หลายคนก็เข้าใจ หลายคนก็เปลี่ยนแปลงตัวเองไปแล้วเยอะพอสมควร แต่ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่คนอยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นผมไม่ได้ขู่อะไรใคร เพียงขอให้ระมัดระวังก็แล้วกัน การทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ผมก็หยุดได้แค่ต้นทาง คือประชาชนร้องทุกข์กล่าวโทษตำรวจก็ทำคดี แต่ละคดีไม่ใช่ทำง่ายๆก็มีหลักฐาน มีวัตถุพยาน เป็นการเพิ่มภาระมากมาย แล้วเราจะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นต่อไปอีกหรือ ผมเป็นห่วงตรงนี้เท่านั้น ไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการอะไรเลยสักอย่าง อำนาจต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้โลกเราเปลี่ยน การใช้อำนาจก็ต้องระมัดระวัง ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำได้ ทุกอย่างตนดูแลทั้งหมด ทั้งงบประมาณและการทำงาน เพราะเป็นผู้กำหนดนโยบายและต้องตรวจสอบ ทุกกระทรวงต้องผ่านตนทั้งสิ้น ไม่ได้กีดกันใคร หลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่พรรคนี้ ไม่ให้พรรคนู้นให้มากกว่าพรรคนี้ ทุกอย่างมีนโยบายไว้หมดแล้วในเรื่องนี้เรื่องโน้น หากท่านทำไว้ตรงนี้มีเงินพอมีกระบวนการพอก็ทำไป หลักการคือตนเองไม่ใช่ศัตรูของใคร ไม่ใช่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่ทุกกระทรวงมีผลงานหมด แล้วไม่เกี่ยวกับตนเลยหรือหากตนเองเป็นคนเริ่มนโยบาย เป็นคนกำหนดกรอบ เป็นคนอนุมัติงบประมาณนำเข้าครม. ตนไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว ไม่ได้สั่งทำนี่ทำนู่นสั่งอย่างนั้นไม่ได้ เพราะจะเกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อำนาจของตนไม่ได้มากมาย แต่ใช้เพียงแค่ทำอำนาจตามกฎหมายตามระเบียบ ปฏิบัติต่างๆ กรรมการต่างๆ ตนก็รู้ทุกคนอยากได้ แต่ต้องระมัดระวัง งบกลางที่ตนเป็นห่วงกังวล ไม่ใช่ว่าตนเองเอาไปใช้อย่างเละเทะ ใช้อย่างระมัดระวังที่สุดแล้ว และคงต้องระมัดระวังต่อไป เพราะเรายังมีระยะเวลาอยู่ในการเตรียมงบประมาณตรงนี้สำรองรองรับในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ผ่านมาในการพิจารณางบประมาณ มีการติดขัดอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายความมั่นคงเขาก็มีปัญหาทางที่เป็นงบประมาณในส่วนของเขาเอง เมื่อถูกตัดออกไปก็มีปัญหาหมด เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องเตรียมงบประมาณให้เพียงพอ เพื่อให้เงินเดือนหน้าต่อไปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน