พีระพันธุ์ ย้ำไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อรองรับใคร ยอมรับ ประยุทธ์ เหมาะทำงานให้ประเทศ ไม่ปฏิเสธ รทสช.ใช้แนวบริหารโปลิตบูโร แต่ต้องดูกฎหมายทำได้แค่ไหน

วันที่ 1 ม.ค.2566 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า ทุกอย่างเป็นไปตามวาระ โดยในปีนี้จะมีการเลือกตั้ง เราต้องเตรียมความพร้อม ทั้งในแง่การบริหารจัดการของพรรคและผู้ที่สนใจ และคงจะมีประเด็นต่างๆ ออกมามากขึ้นเพราะใกล้ถึงเลือกตั้ง เราก็ต้องขับเคลื่อนมากขึ้น

นายพีระพันธุ์ กล่าว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตามที่เป็นข่าว เราตั้งขึ้นเพื่อต้องการเป็นพรรคจริงๆ หากพล.อ.ประยุทธ์ มาร่วมงานกับพรรคเราก็ดีใจ เพราะตนทำงานการเมืองกับพล.อ.ประยุทธ์ มานาน ทำแล้วสบายใจ ส่วนใหญ่ก็แก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งตนมีความสุขที่ได้ทำงาน

“พรรคตั้งขึ้นมาเพื่อรวบรวมคนดีๆ มาทำงานด้วยกันเพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่เราเห็นว่าเหมาะสมะทำงานให้กับประชาชน และบ้านเมือง ดังนั้น ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ มาร่วมงานกับเรา ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นบุคลากรที่มีค่าทางการเมืองสำหรับประชาชนและประเทศชาติ หลายเรื่องที่ไม่สำเร็จในอดีตก็มาสำเร็จในรัฐบาลนี้ รวมถึงสถานะทางการเงินการคลังของประเทศก็ดีขึ้นหมด สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ค่อยได้รับการประชาสัมพันธ์ออกไปให้ประชาชนรู้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าปฏิเสธไม่ได้ใช่หรือไม่ว่ากระแสของนายกฯจะช่วยดึงคะแนนให้กับพรรคได้ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า คนที่ทำงานการเมืองทุกคนไม่มีคนใดเป็นที่โปรดปรานของทุกคนในประเทศ 100% มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ คนอื่นก็เป็นเหมือนกันจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติและไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล จุดเด่นของพล.อ.ประยุทธ์ ตนไม่รู้สึกว่าเป็นนักการเมือง แต่รู้สึกว่าท่านเข้ามาทำงานให้บ้านเมือง และเป้าหมายก็ไม่ใช่ผลประโยชน์หรือสถานะทางการเมือง แต่คือสิ่งที่นายกฯคิดว่าจะแก้ปัญหาให้กับบ้านเมืองอย่างไร

“พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งการเมืองที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องการเมือง คิดแต่เรื่องการทำงาน เป็นคนที่มีคุณสมบัติและมีค่าทางการเมือง”

ผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายของพรรคจะทยอยเปิดออกมาได้เมื่อไหร่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า มีแน่นอนแต่ยังไม่ถึงเวลา พรรคจะเน้นที่เศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นคนจำนวนมากของประเทศ ตนคิดว่าการจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่เอาทีมเศรษฐกิจมาทำงาน แต่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ประชาชนทำมาหากินได้ง่ายขึ้น รายจ่ายให้น้อยลง ตนคิดว่าไม่ว่าใครก็ไม่มีทางทำประเทศไทยให้มีเศรษฐกิจที่ดีกว่าประเทศอื่นได้ ต่อให้กี่ 10 ทีมเศรษฐกิจก็ทำไม่ได้ ไม่มีทางทำได้เพราะเราต้องลิงค์กับเศรษฐกิจโลก แต่เราจะทำให้หลายอย่างในประเทศไทยปลดล็อกให้ได้ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ตนคิดว่า มันอยู่ในอำนาจของพรรคการเมือง หรือรัฐบาลที่ทำได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคจะปรับโครงสร้างเพื่อรองรับพล.อ.ประยุทธ์ กับส.ส.ที่จะตามมาด้วยหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องปรับ โครงสร้างพรรคเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ใครเข้ามาก็เข้ามาอยู่ในระบบที่มีอยู่แล้ว

ส่วนที่มีกระแสข่าวพรรคเตรียมตั้งทีมที่ปรึกษาพรรค ที่มีลักษณะคล้าย“โปลิตบูโร” นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ใช่โปลิตบูโร เพราะนั่นคือ แนวคิดว่าทำอย่างไรจะกำกับดูแลคนในพรรคให้อยู่ในระเบียบวินัยและทำหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต ทำงานเพื่อสังคมและประชาชน ซึ่งใพรรคมีนโยบายตรงนี้อยู่ แต่จะเรียกแบบไหน กฎหมายให้ทำได้แค่ไหน ในความเป็นจริงเรายังไม่ทราบว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะบอกว่าตามกฏหมายของกกต. จะให้ทำได้แค่ไหนเพียงใด เราจึงยังตอบไม่ได้

“เรามีความคิดว่า ควรมีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เข้ามาทำงานในพรรคคอยดูแลการทำงานของพรรค ให้อยู่ในร่องในรอย ไม่ใช่ว่าอำนาจไปตกอยู่กับหัวหน้าพรรค เลขาพรรคหรือคณะกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น พวกผมตั้งใจจะสร้างพรรคนี้ให้เป็นหลัก เป็นสถาบัน ไม่ใช่มาเป็นพรรค เพื่อรองรับใคร เฉพาะกิจแล้วเลิก เราจึงคิดว่า การจะเป็นพรรที่ดีได้ ต้องมีองค์กรเพื่อผลิตนักการเมืองดีๆ มีแนวทางเป็นพี่เลี้ยงให้เขาทำงานในเรื่องต่างๆ จะเรียกอะไรต้องดูไม่ให้ขัดกฎหมาย กกต. เราจึงยังตอบไม่ได้ชัดว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใด แต่แม้เราตั้งใจทำ คือในทางปฏิบัติก็มีขึ้นมา แม้ในกฎหมายไม่ได้มีกำหนดไว้ แต่ทุกคนในพรรคยอมรับว่า เรามีหน่วยที่จะกำกับดูแลตรงนี้เราก็ทำงานกันได้”

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคการเมืองของไทยมักมีกลุ่มก๊วน นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เราจึงต้องป้องกันไม่ให้เกิดแบบนี้ขึ้น จึงต้องวางระบบพรรคให้ดี ซึ่งพรรควางแนวทางไว้แล้ว ส่วนการวางตัวผู้สมัคร ตนพอใจเกินความคาดหมาย เพราะตอนนี้มีผู้สมัครที่เป็นส.ส.ปัจจุบันไม่น้อยกว่าพรรคอื่น ผู้สมัครที่เคยเป็นส.ส. แต่คราวที่แล้วแพ้กระแสนายกฯ และมีผู้สมัครใหม่ที่เป็นกำลังหลักของส.ส.ในอดีต รวมถึงหน้าใหม่เลยเราก็มีรวมถึงหลักร้อยแล้ว ยืนยันไม่มีการซ้ำพื้นที่

หากซ้ำซ้อนเราได้วางหลักเกณฑ์ไว้แล้ว เราต้องเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด และมีความเป็นไปได้สูงสุดว่าจะชนะเลือกตั้ง ส่วนคนไหนที่ไม่ผ่านก็ไปทำงานในส่วนอื่นที่ช่วยกันได้ ไม่ใช่ว่าใครที่ไม่ได้รับการคัดเลือกให้ลงแล้วเราจะทิ้งเขา ตนไม่ทิ้งใคร ทุกคนถ้าอยากทำงานได้ทำหมด ยืนยันเราเป็นพรรคอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นพรรคของใคร ไม่ได้เป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร

เมื่อถามถึงคนที่ติดตามมากับนายกฯ จะการันตีได้หรือไม่ว่าจะมีพื้นที่ได้ลงทุกคน นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พรรควางระบบและหลักเกณฑ์ไว้ ทุกคนต้องเข้าหลักเกณฑ์ ไม่อย่างนั้นคงบริหารจัดการพรรคไม่ได้ จะกลายเป็นว่าคนนี้เป็นคนของคนนั้น คนนั้นเป็นคนของคนนี้ สุดท้ายอาจแพ้เลือกตั้ง จึงต้องมีหลักเกณฑ์กลางว่า หากเกิดกรณีอย่างไหนแล้วจัดการอย่างไร และทุกคนยอมรับหลักการนี้ตั้งแต่ต้น ป้าหมายของเราคือชนะเลือกตั้งแล้วกลับมาบริหารประเทศ ตามแนวนโยบายของเรา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน