เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสังเกตที่ว่าการจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือไอทีดี ผู้ต้องหาคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่นเรศวร จะส่งผลให้บมจ.อิตาเลียนไทยฯ จะถูกขึ้นบัญชีดำ(แบล็กลิสต์) ไม่ให้ได้รับงานโครงการของรัฐหรือไม่ว่า ยังเร็วที่จะพูด และยังไม่ถึงขั้นนั้น
นายวิษณุ กล่าวว่า การกระทำความผิดของนายเปรมชัย เป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่ใช่กระทำผิดในนามบริษัท ซึ่งความเป็นนิติบุคคลกับส่วนบุคคลนั้นแยกจากกัน บริษัทของเขาเป็นผู้เข้าประมูล โดยเป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นมาก ซึ่งผู้ถือหุ้นอาจรู้หรือไม่รู้เรื่องเลย ขณะที่บริษัทอาจเปลี่ยนตัวประธานกรรมการบริหาร (ซีอีโอ)ก็ได้ และไม่ใช่การเข้าป่าล่าสัตว์แล้วเอามาให้บริษัท จึงถือเป็นคนละส่วนกัน ต้องแยกให้ออก การทำสัมปทานกับรัฐต้องไปประมูล ในบริษัทนี้มีหลายหุ้นส่วน ดังนั้น จะไปเอาผิดทั้งบริษัทไม่ได้ คนอื่นไม่ได้รู้เรื่องด้วย เว้นแต่พบว่าเชื่อมโยงคนอื่นด้วย เหมือนกรณีที่มีบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ทำผิด ไม่ได้หมายความว่าพนักงานทุกคนในโรงพิมพ์จะต้องผิด จึงไม่ถึงขั้นต้องให้บริษัทนี้ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ แต่จะต้องถูกตรวจสอบเรื่องธรรมาภิบาลของบริษัทต่อไปว่ามีอะไรที่พัวพันหรือไม่

เมื่อถามถึงกระแสในสื่อโซเชียลที่เรียกร้องให้คว่ำบาตรไอทีดี รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องของโลกโซเชียล ตนไม่รู้จะพูดอย่างไร

เมื่อถามว่าต่างประเทศสนใจเรื่องนี้ จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของไทยด้วยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่อยาก ก็ดีแล้ว ถูกต้อง เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นที่ไหน คนต้องสนใจที่นั่นอยู่แล้ว ถ้าเราอยู่ในประชาคมประเทศภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ที่ดูแลคุ้มครองสัตว์ป่า คนต้องให้ความสนใจในหลายประเด็น ซึ่งมีทั้งการให้ความสนใจว่าคนนั้นจะรับผิดอย่างไร มีโทษอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น และมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงขอให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนต่อไป

“คนให้ความสนใจอยู่แล้ว เพราะบริเวณที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่มรดกโลก และไม่ว่าจะเป็นมรดกโลกหรือไม่ สิ่งสำคัญ คือเป็นพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทยที่เราหวงแหน มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจและตื่นเต้นมาก ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และเรื่องนี้ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคุณเปรมชัยหรือไม่ แต่การเข้าป่าล่าสัตว์ไม่ควรมีขึ้นอีกแล้ว เป็นบาป ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ไม่ถูกต้อง จึงถูกต้องแล้วที่ทุกคนต้องจับตาดูและเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ อย่าพูดอะไรที่บั่นทอนหรือจ้องจับผิด ท่ามกลางคนที่เป็นวีรบุรุษทำสิ่งที่ดี ถ้าจะจับผิดอะไรก็จับผิดได้หมด แล้วถ้าเอาจุดเหล่านั้นมาเป็นเรื่องใหญ่ ผมคิดว่าเป็นการสร้างกระแสมากลบอะไรบางอย่าง ดังนั้นอย่าไปสนใจสิ่งเหล่านั้น แต่ทำให้ความจริงออกมาให้ได้”นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามว่ามีการเทียบเคียงบทลงโทษกับคดีลักลอบล่าสัตว์ในป่าแก่งกระจานที่มีโทษจำคุก 10 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และปรับ 50,000 บาท กับผลกระทบต่อความเสียหายของอุทยานแห่งชาติ คิดว่าควรเพิ่มโทษหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า อย่าเพิ่งถึงขั้นนั้น กฎหมายเขียนบทลงโทษแรงไว้ระดับหนึ่ง แต่เมื่อศาลจะใช้ ต้องคำนึงถึงพยานหลักฐานและพฤติกรรมหลายอย่างอีกระดับหนึ่งซึ่งอยู่ในเพดานของกฎหมาย ดังนั้น เมื่อเรื่องเกิดขึ้น อย่าเพิ่งรีบวิจารณ์ว่าแก้กฎหมายเลยหรือเรียกร้องให้ศาลลงโทษให้หนัก แต่ควรปล่อยให้กระบวนการเดินไป พยานหลักฐานจะปรากฎอยู่ดี

เมื่อถามว่าหากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะขอแก้ไขกฎหมาย นายวิษณุ กล่าวว่า เสนอมาได้ ไม่ยาก ทั้งนี้พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเพิ่งถูกแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องไซเตสไปไม่นานนี้เอง สมัยที่พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ตนจำไม่ได้ว่าแก้ไขเรื่องใด
“อย่าเพิ่งเรียกร้องว่าต้องลงโทษหนัก เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้วเกิดเหตุ เราจะมานึกในภายหลังว่าเสียดายที่เราไปเรียกร้องให้เพิ่มโทษอย่างนั้น ยกตัวอย่าง การให้เพิ่มโทษคนละเมิดลิขสิทธิ์ที่ทุกคนสะใจกับการมีโทษสูง แต่วันเวลาผ่านไป มีตาแป๊ะคนหนึ่งที่ไปขายซีดีแผ่นเดียวแล้วถูกศาลลงโทษ ปรับเงินไม่รู้กี่แสนบาท นั่นทำให้คนรู้สึกว่าไม่น่าไปเขียนโทษหนัก แล้วเกิดการเคลื่อนไหวขอให้ปรับโทษลงมาอีก ดังนั้น เราจะกลับไปกลับมาตามกระแสไม่ได้ เราต้องคิดถึงเหตุการณ์ตั้งเอาไว้ และถ้าอะไรจะเกิดแล้วค่อยเอามาประยุกต์ จึงอย่าพูดตามกระแส พูดตามหลักดีกว่า”นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาไซเตสวิจารณ์ไทยต่อเรื่องสัตว์ป่าค่อนข้างมาก นายวิษณุ กล่าวว่า เขาจะวิจารณ์เราไม่ได้ถ้าเราเอาจริงเอาจังและจัดการให้เห็น แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นแหละเขาจะประท้วงเรา ต้องดูกันไปก่อน และเราไม่จำเป็นต้องชี้แจงกับไซเตส เพราะเขาไม่ได้ขอให้เราชี้แจง แต่เราต้องดำเนินตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด อย่าให้มีอะไรมาวอกแวกจนกระทั่งเบี่ยงเบนออกไป ยืนยันว่าไม่กระทบรัฐบาล แต่ถ้าสื่อกระหึ่มกันมาก ทั่วโลกเขาไม่เห็น เขาจะสงสัยว่าเราปากว่าตาขยิบหรือไม่ คงจะหลุดหมดแล้ว ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย ถ้ามีเมื่อไรสื่อมวลชนช่วยกันโวย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน