ประยุทธ์ ขู่ซ้ำ ใครเปิด‘บัญชีม้า’ มีโทษหนัก จำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท เผยคดีอาชญากรรมออนไลน์ ปีเดียวทะลุ 9 หมื่นคดี

เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นานกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ในการประชุม ครม.วานนี้ (14 ก.พ.) มีมติเห็นชอบ ร่างพ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นกฎหมายสำคัญในการขจัดปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ ที่นับวันยิ่งพัฒนารูปแบบกลลวงที่ซับซ้อน หลากหลาย และรุนแรงมากขึ้น ประชาชนจำนวนมากต้องเดือดร้อน สูญเสียทรัพย์สิน บางรายถึงสูญเสียชีวิต

จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา มีการรับแจ้งความอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวนมากถึง 92,031 คดี อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการติดตามอายัดบัญชีได้ 65,872 บัญชี แต่เรายังจำเป็นต้องมีกฎหมายใหม่ ที่ทันต่อภัยคุกคาม และส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ในการร่วมกันแก้ปัญหานี้ให้ได้อย่างยั่งยืน

โดยพ.ร.ก.ฉบับใหม่ ที่รัฐบาลได้ผลักดันนี้ มีหลักการทำงานที่สำคัญ 3 ประการ คือ
1.การบูรณาการ คือ ช่วยให้เกิดกลไกการทำงานเชื่อมโยงกัน ทั้งการแลกเปลี่ยนและตรวจสอบข้อมูลบัญชีเงินฝาก/ธุรกรรม และข้อมูลการโทรศัพท์/โทรคมนาคม สำหรับทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

2.การป้องกันความเสียหาย คือ การมอบอำนาจและหน้าที่ ให้ผู้ที่พบเหตุน่าสงสัยว่าเป็นการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน สามารถระงับธุรกรรมนั้น “ชั่วคราว” ไม่เกิน 7 วัน เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ยึด อายัด ดำเนินคดี และระงับความเสียหายต่อไป โดยเปิดช่องทางประชาชนทั่วไป สามารถแจ้งความเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ที่ สถานีตำรวจทุกแห่ง ทั่วประเทศ หรือร้องทุกผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้

3.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ คือ การใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการตรวจจับพฤติกรรมต้องสงสัยจากบัญชีเงินฝาก, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการใช้โทรศัพท์ ว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่น การโอนเงินเข้า-ออกบัญชีบ่อยครั้ง โดยไม่สามารถแจ้งที่มาของเงินนั้นได้ เป็นต้น

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เมื่อกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้แล้ว ผู้ใดเปิด “บัญชีม้า” โดยยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก-บัตรอิเล็กทรอนิกส์-บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเลขหมายโทรศัพท์ ไปทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาใดๆ ก็จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน