คึกคัก เวที “ฟังเสียง New gen บทใหม่ประเทศไทย” ตัวแทนคนรุ่นใหม่ 9 พรรคการเมือง ขายนโยบายเพื่อนิวเจน เน้นด้านการศึกษา–ลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 31 มี.ค.2566 ที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เครือมติชน ประกอบด้วย มติชน ข่าวสด ประชาชาติธุรกิจ มติชนทีวี และมติชนสุดสัปดาห์ จับมืออีก 5 พันธมิตร ได้แก่ ทีดีอาร์ไอ, สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย, วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์, MFEC และศูนย์ข้อมูลมติชน เปิด “5 เวที 10 ยุทธศาสตร์ 2 กลยุทธ์”

หลังจากเปิดเวทีแรกประชันนโยบายพรรคการเมือง “ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง” และเวทีสอง “วิเคราะห์เลือกตั้ง ‘66 จากฐานคะแนนและการแบ่งเขตเลือกตั้ง” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

จัดเวทีที่ 3 “ฟังเสียง New gen บทใหม่ประเทศไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีตัวแทนนักการเมืองรุ่นใหม่ จาก 9 พรรคการเมืองร่วมขึ้นเวทีประชัน

ประกอบด้วย น.ส.จิราพร สินธุไพร (น้ำ) ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย, น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ (ผึ้ง) ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 พรรคก้าวไกล, นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ (ลอรี่) ผู้สมัคร กทม.เขตสวนหลวง พรรครวมไทยสร้างชาติ

ร.ต.อ. พงศกร ขวัญเมือง (เอิร์ธ) ผู้สมัครส.ส.คลองเตยและวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์, น.ส.อิสราพร บูรณอรรจน์ (อุ้ม) ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย, น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ (เอ๋) ผู้สมัครส.ส.ปทุมธานี พรรคพลังประชารัฐ,

นายเสมอกัน เที่ยงธรรม (ป๊อบ) ผู้สมัครส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา, น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ (ธิดา) โฆษกพรรคไทยสร้างไทย และ น.ส.เยาวภา บุรพลชัย (วิว) ผู้สมัครส.ส. พรรคชาติพัฒนากล้า

บรรยากาศก่อนเปิดเวที มีนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ เข้ามารอร่วมฟังนับร้อย โดยนั่งรายล้อมรอบลานโพธิ์ ท่ามกลางบุคคลสำคัญทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาทิ นายอัครพงษ์ ค่ำคูณ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น

ทั้งนี้ เวทีที่ 3 ของมติชน ไม่ใช่เพียงการนำเสนอนโยบายสำหรับคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่จะเปิดฟรีไมค์ ให้ประชันความคิดเห็น ถึง 3 รอบ ซึ่งมีพิธีกรชื่อดัง อั๋น ภูวนาท คุนผลิน เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยรอบแรก ช่วง “ปล่อยของ” ตัวแทนแต่ละพรรคการเมือง ได้แนะนำตัว และ “ขาย” นโยบายเพื่อคนรุ่นใหม่

เริ่มจาก น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ (ผึ้ง) ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมี 300 นโยบายที่จะออกแบบมาเพื่อตอบสนองและแก้ไขปัญหาของประชาชน ในคอนเซ็ปต์ของการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต เพราะการเมืองคือพื้นฐานของทุกอย่าง หากการเมืองไม่นิ่งเราจะไม่สามารแก้ไขปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่ได้แน่นอน

พรรคก้าวไกลเสนอให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ หากเราได้เป็นรัฐบาล ช่วง 100 วันแรกเราจะจัดทำประชาชนมติเพื่อสอบถามพี่น้องประชาชนทุกคนว่าเราต้องการประชาธิปไตยอันใหม่หรือไม่ หากใช่ เราจะทำให้เสร็จภายใน 4 ปี

“หลายคนในคืนนี้จะนอนไม่หลับเพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่จับใบดำใบแดง เราไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้ไป 2 ปีข้างหน้าจะใช้ชีวิตอย่างไรและจะเป็นอย่างไร พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เพื่อคืนเวลาและเสรีภาพในการประกอบอาชีพให้กับคนรุ่นใหม่ทุกคน มั่นใจเลยว่าหากพรรค ก.ก. ได้เป็นรัฐบาล ในปี 2567 จะไม่มีการจับใบดำใบใบแดงอีกต่อไป จึงอยากขอความเชื่อมั่นในการทำงานของเรา โดยกาพรรคก้าวไกลทั้งสองใบ เพื่อให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” น.ส.พนิดา กล่าว

น.ส.เยาวภา บุรพลชัย (วิว) ผู้สมัครส.ส. พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า สำหรับพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นพรรคที่ผนึกกำลังรวมกันระหว่างนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนายกรณ์ จาติกวณิช เน้นในเรื่องของปากท้องประชาชน โดยได้คิดนโยบายที่ออกมาเป็นคำสั้นๆ ว่า ต้องการให้พี่น้องประชาชนมีงานทำที่ดี มีเงินในประเป๋าใช้ ราคาสินค้าในประเทศไม่แพง ทางพรรคมีนโยบายที่จะสร้างรายได้ให้ประเทศ 5 ล้านล้านบาท จะมีสายอาชีพใหม่สำหรับคนรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน ภายใต้เศรษฐกิจเฉดสี

เฉดแรก คือ สายมู เพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เฉด ที่ 2 สีเหลือง เป็นเรื่องซอฟต์เพาเวอร์ เป็นในเรื่องของกีฬา ดนตรี ศิลปะที่เกี่ยวกับประเทศ มีกองทุนซอฟต์เพาเวอร์รายละ 1 ล้านบาท สำหรับเยาวชนที่มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับซอฟต์เพาเวอร์ เฉดที่ 3 เอนเตอร์เทนเมนต์ โดยนำขึ้นมาเก็บภาษีให้ถูกต้อง เฉดที่ 4 เป็นเรื่องของ LGBTQ ซึ่งได้สนับสนุนให้มีกิจกรรม LGBTQ ในประเทศไทยเพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น เฉดถัดมา Government Technology สร้างความโปร่งใส ลดเวลาและขั้นตอนเพื่อประหยัดทรัพยากร ทำให้ประชาชนเข้าถึงราชการได้ง่ายขึ้น

“เรื่องของการนโยบายลดภาษี 4 หมื่นบาทแรก ไม่เสียภาษี หากเราสามารถเข้าไปทำนโยบายนี้ ประชาชน 4 ล้านคนจะได้ประโยชน์ทันที นโยบายต่อไป นโยบายหั่นค่า FT ของไฟฟ้า ขณะนี้รัฐบาลเพิ่มค่า FT กับประชาชน แต่ลดให้กับภาคอุตสาหกรรม ถ้าพรรคชาติพัฒนากล้าได้เข้ามาทำ ค่าไฟจะต้องลดลงแน่นอน รื้อระบบโครงสร้างพลังงาน”

นายเสมอกัน เที่ยงธรรม (ป๊อบ) ผู้สมัครส.ส.สุพรรณบุรี ชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคมองเห็นปัญหาแรกคือรัฐธรรมนูญ นี่คือปัญหาหลักที่เราต้องเริ่มแก้ หลังการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนำรัฐธรรมนูญ 40 มาเป็นแบบอย่างการแก้ไขกฎหมาย เราอยากให้ประเทศมีความยั่งยืน

สำหรับคนทุกรุ่นทุกวัย การที่จะยั่งยืนได้ ประชาชนต้องมีความมั่นคงในชีวิต มีทรัพย์สิน มีความมั่งคั่งทางรายได้ มีโอกาสความเท่าเทียม และมีสวัสดิการที่ดี เราไม่เชื่อว่า ระบบประชานิยมจะแก้ปัญหาในระยะยาวได้ ประเทศจะยั่งยืนได้ต้องมีสวัสดิการที่ดี ทั้งนี้ นักการเมืองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ถ้าประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ

น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ (ธิดา) พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เจตนารมณ์หนึ่งของพรรค คือการต่อสู้เพื่อคนตัวเล็ก เราประกาศนโยบายดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนแก่ ส่วนน้องๆในวัยเรียน เราจะปล่อยนโยบายเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี พรรคเรากล้าประกาศว่าต้องทำให้ได้ ที่จะยกเลิกหนี้กยศ. และให้เรียนฟรีได้จนจบปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร่นระยะเวลาเรียนไม่ให้หนักเกินไป

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ (ลอรี่) ผู้สมัคร กทม.เขตสวนหลวง พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ขอยืนยันว่า เราเป็นคนรุ่นใหม่อยู่ฝั่งทำงาน ตามนโยบายสู้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง เรามีนโยบายสำหรับคนรุ่นใหม่ หลายคนคิว่ามีแค่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ที่จริงเรามีนโยบายดีๆอีกมาก เช่น การให้มีที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้าราคาถูก ยกเลิกกฎหมายแหล่งรีดไถ

เช่น การห้ามขายสุราบางเวลา หรือบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนการศึกษาของเด็กไทยต้องได้เรียนรู้ภาษา มีประกันสังคมสำหรับอาชีพฟรีแลนซ์ การเรียนฟรีต้องมีจริงจบครบวงจร ส่งเสริมทีป๊อปเคาท์เจอร์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดโรงเรียนศิลปินไประดับโลก 200 คนต่อปี รวมถึงนโยบายทหารอาสาสมัคร เราไม่ได้ยกเลิกร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ให้มีอยู่สามสิบเปอร์เซ็นต์

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง (เอิร์ธ) ผู้สมัครส.ส.คลองเตย และวัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นโยบายคนรุ่นใหม่ ให้ต้นทุนลด รายจ่ายเพิ่มรายได้ ต้นทุนสำคัญคือต้นทุนชีวิต พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ริเริ่มนโยบายเรียนฟรี 15 ปี วันนี้เราต้องการขยายวงเงินกยศ. และการเรียนฟรี การหารายได้ระหว่างเรียนจับคู่ภาคเอกชนสร้างงาน 1 ล้านงาน และการลดรายจ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ที่มีปัญหาอยู่คือด้านกฎหมาย เราต้องการทำกฎหมายตั๋วรวมที่เดินทางได้ทั้งหมด

นอกจากนี้ อินเทอร์เน็ตในการบริการ เราต้องการขยายอินเทอร์เน็ต 1 ล้านจุดทั่วประเทศ และการสร้างรายได้ โดยสามารถเริ่มธุรกิจได้จากกองทุนเอสเอ็มอี 3 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนตรงนี้

น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ (เอ๋) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคมีนโยบายสวัสดิการประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ แต่สำหรับเวทีนี้ อยากพูดเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อไปสู่การพัฒนาร่วมกัน เราอยากจะฟังเสียงของนิวเจนจริงๆ อยากฟังสิ่งที่นิวเจนต้องการ เพื่อนำเสนอให้ฝ่ายนโยบายของพรรค รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ใจดี ใจกว้าง อยากให้มีอะไรก็มาพูดคุยกัน ส่วนเรื่องเศรษฐกิจก็คล้ายทุกพรรค

น.ส.จิราพร สินธุไพร (น้ำ) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ภายใต้การนำของพรรค พท. ประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศแห่งโอกาสของคนทุกเพศทุกวัย ความหลากหลายจะยังคงอยู่แต่ความเหลื่อมล้ำต้องหมดไป คนรุ่นใหม่ไม่ต้องย้ายประเทศแล้ว เพราะสามารถถือพาสปอร์ตไทยแค่เล่มเดียว เดินทางไปนานาอารยประเทศ สามารถเข้าออกได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี

คนไทยต้องมีที่ยืนในเวทีโลก ภายในปี 2570 พรรค พท. จะปฏิรูปโครงสร้างประเทศด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากประชาชน เราจะเห็นประชาธิปไตยที่กินได้ เราจะเป็นประเทศทุนนิยมที่มีหัวใจ คนรุ่นใหม่จะเรียนรู้ได้ฟรีตลอดชีวิตผ่านโครงการ เลิร์นทูเอิร์น และระหว่างเรียนจะมีรายได้ด้วยค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน นิสิตนักศึกษาเรียนจบมาต้องมีงานทำ เงินเดือนขั้นต่ำ 2.5 หมื่นบาท

น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ใช้ระบบสมัครใจ และสนับสนุนสิทธิความหลากหลายทางเพศ ทุกความฝันของคนไทยจะถูกสานต่อด้วยโครงการ หนึ่งครอบครัวหนึ่งซอต์ฟพาวเวอร์ สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่งการันตีรายได้ขั้นต่ำต่อปี 2 แสนบาท วัฒนธรรมจะไม่ถูกตีกรอบอีกต่อไป

แต่จะเป็นวัฒนธรรมที่กินได้ สร้างงานสร้างรายได้ให้ทุกครอบครัว พรรคพท. จะพาประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เราจะไม่ทำเพียงแค่ฟรีไวไฟทุกหมู่บ้านหรือโครงการฟรีแท็บเล็ตเท่านั้น แต่เราจะมีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถใช้เงินสกุลเหรียญดิจิทัลใช้จ่ายในชุมชน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และเตรียมประเทศไทยเข้าสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัลพรรคเพื่อไทย

น.ส.อิสราพร บูรณอรรจน์ (อุ้ม) ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ทุกวันนี้คนรุ่นใหม่เปรียบเหมือน “เดอะแบก” คือ แบกภาระค่าใช้จ่ายประจำวัน พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการเดินทางในชีวิตประจำวัน การลดค่าไฟ ซึ่งจะดีกว่าหรือไม่ ถ้ารัฐติดโซล่ารูฟช่วยลดค่าไฟ และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม การแบกรับเรื่องค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนในครอบครัว

เรามีนโยบายเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งทุกจังหวัดฟรี ฟอกไตฟรี การแบกเรื่องฝุ่นพิษควันพิษ เรามีนโยบายรถเมล์อีวี และจะมีเฟส 2 อีก 3 พันกว่าคัน ส่วนต่างจังหวัด เราจะจัดระบบภาษีบ้านเกิดเมืองนอน นอกจากนี้ นิวเจนยังแบกความเบื่อหน่าย

ซึ่งทุกการเลือกตั้งจะมีการนำเสนอนโยบาย แต่ยังไม่มีการทำได้จริง แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย อยากให้ทุกคนมองย้อนไปว่าเราทำได้สำเร็จกี่นโยบาย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ เรามีนโยบายไม่เยอะแต่ทำได้จริง และพูดแล้วทำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน