เมื่อวันที่ 23 ก.พ.นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่มีหมายเรียกมาถึงโดยแจ้งข้อหา ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามประกาศคสช. และให้ตนไปพบเจ้าหน้าที่ในวันที่ 15 มี.ค.ว่า ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใด และไม่ค่อยได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนอกจากจะมีสาเหตุของเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และได้เสนอข้อแนะอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนเดือดร้อนตามที่ได้พูดคุยกันไว้ จึงไม่เข้าใจว่าจะเรียกด้วยเหตุใด อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า ต้องการเรียกเพื่อกลบข่าวกระแสความนิยมของรัฐบาลที่กำลังตกต่ำอย่างมาก อีกทั้งกระแสการทุจริตคอร์รัปชั่นที่พุ่งขึ้นสูง จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ระบุว่าดัชนีคอรัปชั่นพุ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี และอาจมีการทุจริตคอร์รัปชั่นพุ่งขึ้นถึง 2 แสนล้านบาท อีกทั้งดุสิตโพลยังให้รัฐบาลสอบตกเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นโดยได้คะแนนเพียง 4.85 จาก คะแนนเต็ม 10 และแม้องค์กรความโปร่งใสสากลจะจัดอันดับความโปร่งใสของไทยอยู่ที่ 96 ซึ่งดีกว่าปีที่แล้วที่ 101 แต่ก็ยังต่ำกว่า ปี 2558 ที่อันดับ 76 มาก และองค์กรความโปร่งใสสากลนี้ยังระบุว่าไทยมีการจ่ายใต้โต๊ะเป็นอันดับ 3 ซึ่งสูงกว่า กัมพูชา และเมียนมา ดังนั้นอย่าได้ยกหมายเรียกตนเพื่อกลบปัญหาเหล่านี้ และอยากถามว่าการเรียกตนทั้ง 10 หนนี้ เป็นปัญหาสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เพราะรัฐบาลได้มีมติให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับดำเนินการตรงข้ามหมด แม้กระทั่ง องค์กรสิทธิมนุษยชนสากล เช่น ฮิวเมนไรท์วอทช์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ฯลฯ ยังตำหนิรัฐบาลหลายครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน