พท.หารือสมาคมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทย ชูผลักดันไทยเป็น Festival Hub ระดับโลก มั่นใจผลักดัน Soft Power ส่งเสริมท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ให้ประเทศทะลุ 3 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะนโยบายพรรคพท. นางนลินี ทวีสิน ประธาณคณะทำงานนโยบายต่างประเทศ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค น.ส.ธีราภา ไพโรหกุล เลขานุการคณะนโยบาย และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ เลขานุการคณะทำงานนโยบายต่างประเทศ ให้การตัอนรับนายเอ็ดเวิร์ด กิตติ ผู้ก่อตั้งสมาคมส่งเสริมผ้าไหมและวัฒนธรรมไทย เพื่อหารือถึงแนวทางการผลักดันให้กรุงเทพฯ และประเทศไทยเป็นศูนย์กลางจัดอีเว้นท์ระดับโลก เช่น คอนเสิร์ตอีดีเอ็ม การจัดประกวดดีเจในไทย ตลอดจนการจัดแฟชั่นโชว์ผ้าไหมไทย พร้อมทั้งถ่ายทอดไปยังรายการในต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมในไทย

นายเอ็ดเวิร์ด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีโอกาสใช้ผ้าไหมของมูลนิธิโครงการหลวง จึงได้รู้ว่าผ้าไหมไทยเป็นสินค้าพื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์ ผ้าไหมแต่ละชิ้นถือเป็นสินค้าที่แตกต่าง มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ซึ่งชาวต่างชาติเห็นความสำคัญตรงนี้ จุดขายของไหมไทยคือเป็นหนึ่งเดียวในโลก มีวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ จึงอยากให้รัฐบาลไทยมีแนวคิดที่จะพัฒนาสินค้าผ้าไหมไทยอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาได้เคยรวบรวมรายชื่อเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมให้เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เนื่องจากเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมไม่มีโอกาสในการสร้างรายได้จากการขายสินค้า เพราะเข้าไม่ถึงตลาดและแหล่งทุน ไม่มีสวัสดิการใดๆ นอกจากนี้ยังเคยมีแนวคิดส่งเสริมให้เกษตรกรใช้มือถือและโซเชียลมีเดีย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรในการขายสินค้าไปสู่ตลาดโลกได้อีกด้วย

นายเอ็ดเวิร์ด กล่าวต่อว่า รัฐบาลไทยควรพิจารณาส่งเสริมให้การแต่งเพลงประเภทอิเล็กทรอนิกส์เป็นหนึ่งในวิชาที่สอนในโรงเรียน เพื่อส่งเสริมตลาดดนตรีอีดีเอ็ม ยกตัวอย่างประเทศสิงคโปรค์ที่มีการส่งเสริมวิชาเรียนประเภทดนตรีสมัยใหม่ รวมถึงอีสปอร์ตเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันไทยควรมีแบรนด์เฟสติวัลดนตรีเป็นของตัวเองด้วย เพราะการจัดงานหนึ่งครั้งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ถึงครั้งละ 25,000 คน

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า พรรคพท.มีนโยบายผลักดัน Soft Power ผ่านสินค้าและวัฒนธรรมไทยไปสู่ตลาดโลก เป็นการต่อยอดโครงการ OTOP ที่มีมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย รวมทั้งเป็นการต่อยอดศักยภาพของคนไทย เพิ่มรายได้ให้ครัวเรือนต่างๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีนโยบายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Festival Hub ระดับโลกทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ เพื่อกระจายรายได้และสร้างงานให้คนไทยในอนาคต

นางนลินี กล่าวว่า ผู้นำรัฐบาลต้องทำหน้าที่เสมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ของประเทศไทย ยกตัวอย่างสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ใส่เสื้อผ้าไหมช่วงภารกิจการเยือนต่างประเทศจนเป็นที่ชื่นชมของผู้นำนานาประเทศ และหากได้เป็นรัฐบาล พรรคพท.จะผลักดันนโยบาย Soft Power ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ไทยพลิกกลับมามีรายได้ 3 ล้านล้านบาทจากเดิม 1.9 ล้านล้านบาทช่วงโควิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน