“วิษณุ” รับฟังเสียงแย้ง คนโต้คุณสมบัติ “พิธา” ชิงนายกฯ ชี้อยู่ที่เนื้อหาคำร้อง-คำสั่งศาลรธน. วินิจฉัย ไม่วิจารณ์ หวั่นถูกกล่าวหาชี้ช่อง ย้ำ ปธ.สภาต้องรอบคอบ

เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 14 มิ.ย.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีหลายฝ่ายโต้แย้งเรื่องคุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า สิ่งที่มีคนออกมาโต้แย้งตน ถ้าเป็นไปตามข่าวถือเป็นการโต้แย้งที่ถูกต้องแล้ว เพราะการฟ้องร้องตามมาตรา 151 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เนื่องจากเป็นการฟ้องศาลอาญา

แต่ศาลที่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ คือศาลรัฐธรรมนูญ และการจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นเริ่มทำหน้าที่ หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง และรับรองให้เป็นส.ส. มีการรายงานตัวเรียบร้อย และมีรัฐพิธีเสด็จพระราชดำเนินเปิดประชุมรัฐสภา โดยส.ส.ต้องปฏิญาณตนก่อน จึงถือว่าบุคคลนั้นได้เข้าทำหน้าที่ส.ส. จากนั้นจะประชุมเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร

นายวิษณุ กล่าวว่า กรณีนายพิธา ถ้าได้รับรองเป็นส.ส. สามารถเข้าปฏิญาณตนในฐานะส.ส.ได้ แต่ถ้ามีคนไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ศาลสามารถสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นส.ส.ได้ ยกเว้นในคำร้องจะขอให้ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด ซึ่งยังไม่รู้ว่าในคำร้องมีการร้องในเรื่องอะไรบ้าง แต่ถ้าร้องว่าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด แล้วศาลสั่งให้หยุดทั้งหมด จะทำให้เสนอชื่อบุคคลที่ถูกร้องชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้

หากเสนอชื่อไปแล้วไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ประธานสภาฯจะนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯว่าอย่างไร และหากโปรดเกล้าฯ การแต่งตั้งรัฐมนตรี ผู้ที่รับสนองพระบรมราชโองการ คือนายกรัฐมนตรี กระบวนการทั้งหมดจะไล่เรียงตามที่กล่าวมา

แต่เมื่อถึงเวลานั้น ในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าศาลจะสั่งอย่างไร จึงไม่อยากพูดอะไรที่เป็นการชี้ช่อง ยกตัวอย่างกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ยังสามารถทำหน้าที่รมว.กลาโหม ได้เพราะไม่ได้ถูกสั่งหยุดให้ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี ทั้งนี้ ที่มีคนออกมาโต้แย้งตน ก็ถูกแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าในข้อกฎหมายไม่ได้มีข้อห้ามเกี่ยวกับการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่มีห้ามไว้ แต่ยังไม่รู้ว่าในคำร้องที่จะมีผู้ยื่นต่อศาลเขียนไว้อย่างไร ถ้าพูดตอนนี้จะถูกกล่าวหาว่าชี้ช่องให้คนนำไปยื่นร้องต่อศาล จึงไม่ขอตอบในส่วนนี้ แต่ขอย้ำว่าทั้งหมดอยู่ที่คำร้องของผู้ยื่นร้อง และคำสั่งของศาล”








Advertisement

เมื่อถามว่าสุดท้ายเรื่องจะกลับมาอยู่ที่ดุลพินิจของประธานสภาพิจารณาใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ประธานสภาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในการจัดการเรื่องนี้ เพราะเป็นผู้ลงนามเพียงคนเดียวในการนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ และเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานสภาต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบ

ทั้งนี้ ถ้าบุคคลที่ถูกร้องไม่ได้รับการโหวตเลือกจากสภา ก็แล้วไป แต่ถ้าสภาโหวตเลือกเป็นนายกฯ ผู้ที่เป็นประธานสภาต้องคิดหนัก และส.ส. ส.ว.ที่ร่วมโหวตบุคคลที่ถูกยื่นร้อง อาจต้องมีส่วนรับผิดชอบในทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าศาลมีอำนาจสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้เฉพาะกรณีผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. นายกรัฐมนตรี โดยไม่ครอบคลุมผู้มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่กล้าตอบ เพราะเราไม่มีตัวอย่าง ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะสั่งหรือไม่สั่งก็ได้ โดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 จะเป็นกรณีพิจารณาตำแหน่งส.ส. ส.ว. รัฐมนตรี

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สมัยที่เป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. เท่านั้น แต่ยังสามารถชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ใช่หรือไม่ ต่างจากกรณีนายพิธา ที่ถูกร้องให้หยุดทั้งการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.และการชิงนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เคยมีกรณียื่นร้องให้หยุดทำหน้าที่ผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาก่อน

เมื่อถามย้ำว่าถ้าจะยื่นร้องควรจะให้มีการรับรองนายพิธา เป็นส.ส.ก่อน ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวย้ำว่า “ผมไม่พูดชี้ช่อง ถ้าผมตอบสื่อตรงนี้ ถือว่าผมชี้ช่อง”

เมื่อถามว่าในการโหวตนายกรัฐมนตรี หากผู้ถูกเสนอชื่อไม่มีใครได้เกิน 376 เสียงของที่ประชุมร่วมรัฐสภา จะต้องค้างขั้นตอนนี้ไว้ก่อนใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถูกแล้ว ถ้าพูดตอนนี้จะถูกหาว่าชี้ช่องให้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ต่อไปอีกยาว จึงอยากให้ช่วยกันทำให้เสร็จโดยเร็ว ถ้าวันนี้ยังเลือกนายกฯ ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็เลือกใหม่

เมื่อถามว่าหากส.ว.ไม่โหวตนายกฯ เพื่อไม่ให้ได้เกิน 376 เสียง และระหว่างนั้น ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่านายพิธา ขาดคุณสมบัติส.ส. จะถูกโยงว่าขาดคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องดูว่ายื่นคำร้องอย่างไร และศาลจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามความเห็นว่า การที่ กกต.จะใช้อำนาจตามมาตรา 151 ฟ้องนายพิธา จะต้องมีต้นเหตุมาก่อนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีหรือไม่มี ไม่รู้ แต่กกต.จะฟ้องตามอำนาจมาตรา 151 แต่ขอไม่ตอบเพราะรู้ว่าสื่อคิดอะไร

เมื่อถามกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ระบุว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ส.ว.ไม่สามารถเข้าชื่อยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของส.ส.ได้นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ส.ว.สามารถลงชื่อตามมาตรา 82 เพื่อขอตรวจสอบส.ส.และส.ว.ได้ เนื่องจากไม่ได้มีบทเฉพาะกาลใด เพียงแต่ให้เข้าชื่อรวมจำนวนกันให้ได้ 1 ใน 10 แต่ยังไม่ถึงที่สุดเพราะยังมีขั้นตอนอีกหลายด่าน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน