‘เรืองไกร’ รู้อยู่แล้ว เอกสารยื่น กกต. ยังไม่เป็นทางการ อ้างเป็นแค่ผู้ร้อง ไม่ใช่ผู้สอบสวน แซะคนไม่เข้าใจจับไปกระเดียดเยอะแยะไปหมด

กรณี อินทัช ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในสื่อเกี่ยวกับการบันทึกรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 (“รายงานการประชุม”) แบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ปี 2565 และงบการเงินไตรมาส 1 ประจำปี 2566 ของบริษัท โดยระบุว่าที่บันทึกรายงานการประชุมว่า “ปัจจุบัน บริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทและมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ” นั้น

บริษัทไม่ได้ต้องการสื่อสารว่าบริษัทยังประกอบกิจการสื่ออยู่ แต่หมายถึงบริษัทยังคงดำเนินการอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทได้จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยมิได้มีการเลิกกิจการแต่อย่างใด

ส่วนประเด็นแบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) ของบริษัทประจำปี 2565 นั้น ชี้แจงว่าเป็นรายได้จากผลตอบแทนจากการลงทุนและดอกเบี้ยรับ ขณะที่งบการเงินไตรมาส 1/2566 ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ ยังเป็นแค่ร่างที่ใช้ภายในองค์กร ไม่สามารถนำไปอ้างอิงและไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายนั้น

วันที่ 16 มิ.ย.2566 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะผู้ยื่นกกต. ขอให้ตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย โดยมี ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เป็นพิธีกร

ดนัย ถามว่า กรณีอินทัชชี้แจงว่างบการเงินไตรมาส 1/66 เป็นแค่ร่างใช้ภายใน ไม่สามารถใช้อ้างอิง ไม่มีผลทางกฎหมาย ฉะนั้นจะสามารถนำมาใช้สอย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้หรือไม่ มีปัญหาหรือไม่








Advertisement

นายเรืองไกร ตอบว่า ทำได้ ไม่มีปัญหา ตนรู้ว่ามันยัง unofficial (ไม่เป็นทางการ) คนทำบัญชีรู้กันทั้งนั้น มันเป็นแนวทางซึ่งต้องสอบทานทางบัญชีและกิจการ รายรับรายจ่าย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ คนไม่เข้าใจก็จับไปกระเดียดกันเยอะแยะไปหมด

เมื่อถามว่าในเมื่อเอกสารงบการเงินไตรมาสที่ 1/2566 ยังไม่เป็นทางการ สามารถดึงไปใช้ได้หรือ นายเรืองไกร ตอบว่า ในเมื่อเว็บไซต์ไอทีวีเผยแพร่ นักข่าวบางคนมาถามตนว่าดูอย่างไร ตนถึงได้บอก เมื่อนักข่าวเข้าไปเปิดดูก็เห็น ก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็เหมือนรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรซึ่งจะตีว่ายังไม่รับรอง นำไปอ้างอิงทางกฎหมายไม่ได้ แต่เขาก็ออกให้

ส่วนที่ถามว่าเมื่อยังไม่เป็นทางการ จะนำไปหยิบฉวยไปเช็กบิลในทางการเมืองได้อย่างไรนั้น นายเรืองไกร ตอบว่า คนหยิบฉวยไปเช็กบิล ไม่ใช่ผู้ร้อง แต่เป็นจนท.ที่ต้องตรวจสอบหรือศาลรัฐธรรมนูญที่วิเคราะห์พยานหลักฐาน เราเพียงแต่มีข้อความ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปสอบยัน เหมือนกับที่ป.ป.ช. สอบยันหนังสือผู้จัดการกองมรดก จะได้ยินคำพูดหนึ่งคือ รีเช็กว่าศาลยังไม่ตอบ เมื่อศาลตอบมาแล้ว เขาก็รับไว้ คือข้อเท็จจริงต้องได้ข้อยุติสิ้นกระแสความ แต่เรื่องนี้ขณะนี้กระแสความยังไม่สิ้น ก็จับตรงนั้นทีตรงนี้ สนุกสนาน

เมื่อถามย้ำว่า แต่คนที่จับตรงนั้นตรงนี้ที ไม่ใช่สังคมแต่เป็นนายเรืองไกร ที่จับมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ มันไม่เยอะไปเหรอ นายเรืองไกร ตอบว่า ตนในฐานะผู้ร้องไม่เยอะ แต่ในฐานะไม่ใช่ผู้ร้อง เยอะไป นอกสำนวนเยอะ ตนก็พูดหลายครั้งแล้วว่าคนที่เห็นต่างให้ร้องเข้าไป จะได้เป็นน้ำหนักของอีกฝ่าย ไม่ใช่มาโพสต์ มาเถียง มาออกรายการอย่างนี้

เมื่อถามต่อว่านายเรืองไกร ตั้งคำถามไปที่ไอทีวีบ้างหรือไม่ในเมื่อยังเป็นข้อมูลไม่เป็นทางการแล้วขึ้นเว็บไซต์เผยแพร่ต่อสาธารณะทำไม ประเด็นนี้นายเรืองไกร ชี้แจงว่า คนถามควรต้องเป็นกกต.หรือศาล ตนเป็นแค่ผู้ร้อง ไม่ใช่ผู้สอบสวน หรือไต่สวน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน