โรม ย้ำ ก้าวไกล ต้องได้ประธานสภา มั่นใจ ไม่ขัดแย้งเพื่อไทย เชื่อคดีหุ้นไอทีวี ขวาง ‘พิธา’ นั่งนายกฯ ไม่ได้ ลั่นขั้วอำนาจเก่าจบแล้ว บิ๊กตู่ ไม่ทางรีเทิร์น

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2566 ที่อาคารกิติยาคาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าการหารือตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่าวพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ว่า พรรคก้าวไกลต้องการตำแหน่งประธานสภาฯ เพราะมีงานที่อยากผลักดัน ส่วนกระบวนการหารือระหว่างพรรค ต้องพูดคุยให้เรียบร้อย แต่ยังไม่ได้รับรายงานผลการเจรจาว่าเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่ประธานสภาฯ

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ส่วนจะมีปัญหาขัดแย้งกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลหรือไม่ ตนยังไม่เห็นว่ามีปัญหา ทุกเรื่องต้องพูดคุยกัน ไม่มีทางเห็นตรงกัน 100% เพียงแต่จุดไหนที่สองฝ่ายต้องการ ต้องหาทางพูดคุยกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองพรรคเห็นเป้าหมายใหญ่ที่จะเดินไปร่วมกัน จึงไม่กังวลเรื่องความผิดใจกัน

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่อาจมีการรวมชื่อสมาชิก เพื่อเสนอญัตติให้เลื่อนการโหวตนายกฯ ออกไป เพราะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ยังติดปัญหาเรื่องคดีความ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบ แต่คิดว่าจะเลื่อนจริงๆ หรือ เลื่อนไปเพื่ออะไร ประชาชนไม่ได้อะไรจากเรื่องนั้น ใครก็ตามที่คิดเรื่องนี้ขอให้มองประชาชนด้วยว่า ประชาชนกำลังรอคอยการพัฒนาเรื่องต่างๆ

“สุดท้ายหากมีการดำเนินคดีกันจริงๆ อย่าไปคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะได้ตำแหน่งนายกฯ ขั้วอำนาจเก่าจบไปแล้ว และข้อกล่าวหาใดๆ ไม่มีทางที่จะดำเนินการขัดขวางได้ รวมถึงเรื่องหุ้นสื่อไอทีวี” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่าแนวโน้มการรวมเสียง ส.ว. เป็นอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่จะจบอย่างไร ต้องไปดูวันโหวต ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะปิดสวิตช์มาตรา 272 ได้สำเร็จ มาตรา 272 เป็นกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย และจะหมดอายุปีหน้าอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่รู้จะให้มาตรา 272 แผลงฤทธิ์ตอนนี้ไปทำไม

“ผมคิดว่าเดินหน้าด้วยการเคารพการตัดสินใจของประชาชนจากวันที่ 14 พ.ค. เป็นทางออกที่ดีที่สุด และการที่ชี้แจงแบบนี้ เป็นการชี้แจงด้วยเหตุและผล เชื่อว่าทุกฝ่ายรับฟัง ทั้งนี้ จากการพูดคุย ส.ว.บางส่วนขอเวลาตัดสินใจ แต่เท่าที่ทราบก็มีสัญญาณบวกในเรื่องนี้ ผมเชื่อมั่นว่านายพิธา จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามถึงการติวเข้มสัมมนา ส.ส.ของพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จะมีการติวเข้ม แต่ต้องขอให้เป็นเรื่องภายในของพรรค โดยจะมีการติวเข้ม ส.ส. ทั้งเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ รวมถึงแบ่งปันประสบการณ์ให้ ส.ส.แต่ละท่าน ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตั้งแต่วันแรกๆ เพราะพรรคมี ส.ส.ใหม่เยอะ








Advertisement

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนการเดินทางไปรับรองสถานภาพ ส.ส. นั้น พรรคก้าวไกลไม่ได้บังคับว่าต้องไปพร้อมกัน แต่อาจมีทั้งกิจกรรมที่ไปร่วมกัน และทั้งทยอยตามกันไป ส่วนวันเวลาใดนั้น จะมีการแจ้งอีกครั้งหลังสรุปแล้ว ขณะที่วันเปิดประชุมสภาฯ นัดแรกเพื่อเลือกประธานสภาฯ นั้น ยังกำหนดวันที่ชัดเจนไม่ได้ แต่พรรคก้าวไกลมีความพร้อม อยากให้กระบวนการเร็วที่สุด เพื่อเข้าไปทำประโยชน์กับประชาชน ทุกอย่างมีต้นทุนค่าใช้จ่าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน