เสรี ถอย ไม่เข้าชื่อ ส.ว.ตีความคุณสมบัติ ‘พิธา’ ปูดมีส.ส.จ่อเข้าชื่อตรวจสอบ ชี้ปมปัดตก แคนดิเดตนายกฯรอบแรก มีความเหมาะสม หากเสนอคนเดิม ส.ว.ก็แค่งดออกเสียง

เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2566 นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า จากที่ตนระบุถึงการศึกษาแนวทางการเข้าชื่อส.ว. ยื่นตีความคุณสมบัติบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้น ล่าสุดเห็นว่าไม่ใช่แนวทางและไม่เหมาะสม รวมถึงไม่ควรทำ ขณะนี้ทราบว่าจะมีส.ส.เข้าชื่อเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกฯ จึงควรปล่อยให้กระบวนการเป็นเรื่องของสภา

ขณะเดียวกันทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของนายพิธา และเตรียมจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ดังนั้น เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะมีความชัดเจน ส่วนจะดำเนินการได้ทันก่อนโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่าในการโหวตเลือกนายกฯ มีผู้เสนอว่าไม่ควรนำประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 หรือคุณสมบัตินายพิธา มาตั้งแง่เพราะเป็นคนละเรื่องกัน นายเสรี กล่าวว่า ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญ กำหนดหน้าที่ให้สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบ ไม่ใช่แค่เลือกหรือไม่เลือก ดังนั้นกรณีจะให้ความเห็นชอบต้องพิจารณารายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน

ส่วนที่บางฝ่ายอ้างว่า ส.ว.ใช้อำนาจยับยั้งการแก้ไขมาตรา 112 ตอนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ของวุฒิสภาได้นั้น ตนมองว่าไม่สามารถรอให้ถึงตอนนั้นได้ เพราะส.ว.ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เนื่องจากทราบเจตนาของผู้เสนอแก้ไข ว่าต้องการใช้เป็นเวทีเพื่อเปิดช่องวิพากษ์วิจารณ์สถาบันเบื้องสูง

ต่อข้อถามว่ากรณีโหวตนายกฯ รอบแรก แต่นายพิธาไม่ได้รับเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาจะทำให้เกิดสถานการณ์พลิกขั้วการเมืองหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เกิดได้ทุกอย่าง เพราะขึ้นอยู่กับ ส.ส.ไปจัดทัพ รวบรวมคะแนน ซึ่งอาจเกิดการพลิกขั้ว หรือ เปลี่ยนข้างได้ทั้งสิ้น และเชื่อว่าการเมืองหลังจากนั้นจะไม่อ่อนแอ

ส่วนที่ส.ว.มีความเห็นว่าให้ปัดตกชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่โหวตไม่ผ่านในรอบแรก นายเสรี กล่าวว่า ตามกติกาไม่มีสิ่งใดห้าม แต่อยู่ที่ความเหมาะ ความควร หากคนที่รัฐสภาไม่เห็นชอบในรอบแรก แล้วจะเสนอกลับมาอีก เพื่ออะไร หากทำเช่นนั้นอาจเกิดภาพได้ว่า มีการล็อบบี้กันเกิดขึ้นหรือไม่ ทั้งที่คะแนนรอบแรกปรากฏชัดเจนอยู่แล้ว

“หากรอบแรกไม่ได้ รอบต่อไปต้องเปลี่ยนคน และหากรอบสอง พรรคยังเสนอชื่อคนเดิม ส.ว.ก็ไม่จำเป็นต้องประท้วง หรือวอล์กเอาต์ แค่นั่งบนเก้าอี้และงดออกเสียง ก็เพียงพอ เพราะมีค่าเท่ากัน” นายเสรี กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน