โหวตนายกฯรอบ2 มีชื่อ‘พิธา’คนเดียวให้ หลังถกเถียงหนัก งัดข้อบังคับ 41 ทำไม่ได้ ก้าวไกล ไม่ยอมรับ ชี้เป็นเรื่องนอกวาระ ให้เร่งให้โหวต

เมื่อวันที่ 19 ก.ค.เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ เป็นครั้งที่ 2 โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรเพื่อไทย เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ โดยมีผู้รับรองด้วยการยกมือโดยไม่ตรงตามข้อบังคับ

ทำให้นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกขึ้นประท้วง ว่าการที่สมาชิกรัฐสภาเสนอนายพิธา เป็นนายกฯ นั้นรัฐสภากำลังทำผิดข้อบังคับข้อที่ 41 ที่บัญญัตติว่าญัตติใดที่ตกไปแล้ว ห้ามนำเสนอซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกัน ขึ้นมาเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ยังไม่ได้ลงมติ ซึ่งเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ได้มีการลงมตินี้ไปแล้ว โดยนายพิธาได้เสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา และข้อบังคับของรัฐสภามีสถานะเทียบเท่าพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ดังนั้นสมาชิกรัฐสภาจะต้องยึดถือปฏิบัติ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จึงประท้วงว่า เรากำลังดำเนินการตามระเบียบวาระของการประชุม ในการที่จะต้องเลือกผู้ที่จะไปเป็นนายกฯ และตามข้อบังคับที่ 5 ประธานรัฐสภา มีอำนาจที่จะต้องปฎิบัติตามกฎหมายที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งเรากำลังดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ แต่การที่นายอัครเดช หารือเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง และเรากำลังดำเนินการในการเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสม ซึ่งอยู่ตามบัญชีที่รัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ ดังนั้นกระบวนการเช่นนี้สุ่มเสี่ยงอย่างมากผิดที่จะขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ

นายวันมูหะมัดนอร์ จึงวินิจฉัยว่า ไม่ผิดข้อบังคับ ถือว่ายังอยู่ในข้อบังคับอยู่ เพราะยังไม่มีการโหวต เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นแล้วได้อย่างเต็มที่ แล้วให้นายอัครเดช อภิปรายต่อ โดยนายอัครเดช อภิปรายว่า ตนไม่ได้ลุกขึ้นมาอภิปราย ว่านายพิธาเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกฯหรือไม่ แต่ตนกำลังอภิปรายว่า ถ้ารัฐสภา มีการอภิปรายญัตตินี้เป็นการกระทำที่ขัดกับข้อบังคับ ซึ่งมีสถานะเป็นกฎหมาย

ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประท้วงกระบวนการที่กำลังดำเนินการอยู่ ว่าขัดกับข้อบังคับการประชุมข้อที่ 36 เพราะนายสุทิน ได้เสนอบุคคลเป็นนายกฯ แล้ว ดังนั้นอยู่ในขั้นตอนของรัฐสภาที่จะให้การรับรองโดยเสียบบัตรแสดงตนอย่างเปิดเผย แต่นายอัครเดช ลุกขึ้นมาเร็วไป เพราะกระบวนการยังไม่ครบถ้วน ดังนั้นขอให้ประธานรัฐสภา ได้ดำเนิการรับรองญัตตินี้ให้เรียบร้อย แล้วจึงเดินหน้าถกเถียงว่าเข้าข้อบังคับที่ 41 หรือไม่ จึงขอให้ดำเนินการให้ถูกขั้นตอน

จากนั้นประธานรัฐสภา ได้ดำเนินการให้มีการรับรองนายพิธา ด้วยการกดบัตรแสดงตนเฉพาะ ส.ส. ปรากฎว่ามี 304 เสียง แต่เนื่องจากที่ส.ว.ร่วมแสดงตนด้วย 4 คน ทำให้เหลือ คน 299 คนถือว่ารับรองถูกต้อง โดยไม่มีผู้ใดเสนอชื่อบุคคลอื่นอีก จึงถือว่ามีนายพิธา เพียงคนเดียวที่เป็นบุคคลให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือก

ทั้งนี้ นายอัครเดช ยืนยันว่าการเสนอชื่อนายพิธาให้โหวตรอบ2นั้นไม่สามารถทำได้ เพราะจะขัดกับข้อบังคับข้อ41 ทำให้ ส.ส.พรรคก้าวไกลและมีทีท่าว่าจะทำให้บรรยากาศในที่ประชุมวุ่นวาย ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงว่า การประชุมวิป3 ฝ่าย นั้นมีข้อตกลงร่วมกันว่า หลังจากการเสนอญัตติบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯแล้วต้องให้เสนอญัตติเพื่อถกเถียง ซึ่งจะให้ใช้เวลา 2 ชั่วโมง








Advertisement

นายรังสิมันต์ ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า วานนี้(18 ก.ค.) ตนอยู่ในการประชุมวิปด้วย ซึ่งไม่มีข้อสรุปดังกล่าว ดังนั้นตนขอให้ประธานรัฐสภาวางตัวเป็นกลาง อีกทั้งในกระบวนการเลือกนายกฯ นั้นต้องยึดการทำงานในสภาฯ ต้องยึดระเบียบข้อบังคับ

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจง ว่า การอภิปรายยังอยู่ในระเบียบวาระไม่ได้นอกวาระ เพราะอภิปรายเรื่องการเสนอชื่อบุคคลที่จะถูกเลือกเป็นนายกฯ ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ขอให้ว่ากันอีกที และเมื่อวาน(18 ก.ค.)เป็นการหารือไม่ได้ข้อยุติ แต่ต้องนำข้อหารือที่ไม่มาร่วมหารือแจ้งให้ตรงกัน หากมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องเสนอชื่อซ้ำ หากไม่ตรงกับข้อบังคับข้อใดข้อหนึ่ง อาจมีความคิดเห็นหลายฝ่าย จะให้แสดงความคิดเห็นได้ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง หรือ 120 นาที ดังนั้น เพื่อความเรียบร้อย เสมอภาค เท่าเทียม จะให้เวลา 3 ฝ่ายๆละ 40 นาที

ทั้งนี้นายรังสิมันต์ ลุกใช้สิทธิ์พาดพิง ยืนยันว่าผลการหารือ3ฝ่าย ยอมรับว่ามีข้อเสนอจริง แต่พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย ดังนั้นต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกฯ ตามมาตรา 272 เพื่อให้เป็นไปตามวาระ ซึ่งกรณีที่หารือนั้นเป็นเรื่องที่อยู่นอกวาระ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนั้นบรรยากาศของการประชุม สมาชิกฯได้ลุกอภิปรายโต้แย้งในประเด็นดังกล่าวอย่างเข้มข้น โดยส.ว. สนับสนุนต่อการอภิปรายข้อหารือในประเด็นญัตติที่ตกไปตามข้อบังคับข้อ41 ต่อไปเพราะการหารือของวิป นั้นหากข้อเสนอใดที่ไม่มีใครโต้แย้งถือว่าได้รับการยอมรับ และย้ำว่าญัตติเสนอชื่อพิธานั้นต้องตกไปตามข้อบังคับ แต่ยังถูกส.ส.พรรคก้าวไกล โต้แย้งเป็นระยะๆ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน