พปชร.หนีม็อบทะลุวัง เปิดที่ทำการพรรคแถลงด่วน ‘สันติ-ธรรมนัส’ เผย ผลเจรจา’เพื่อไทย’ ยืนกรานไม่เอาพรรคแตะม.112 ยันไม่ส่ง ‘ลุงป้อม’ชิงเก้าอี้นายกฯ ปากแข็ง ไม่หวั่นด้อมส้ม บอกเป็นเรื่องธรรมชาติ ชี้ ผู้นำปท.คนที่ 30 ต้องนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง

เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 23 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางกลับมาที่ทำการพรรค หลังจากหารือกับพรรคเพื่อไทย จบ และเกิดความวุ่นวายขึ้น จากการที่กลุ่มทะลุวัง ได้บุกพรรคเพื่อไทย และปาแป้งในพรรค

นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพปชร. ได้แถลงผลการหารือร่วมกับพรรคเพื่อไทย ว่า หลังจากเลือกตั้งเป็นเวลาถึง 2 เดือนกว่า ยังมีอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อมาบริหารบ้านเมือง ถ้าช้ามากจะทำให้เกิดปัญหาหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงต่างๆ ต้องขอบคุณพรรคเพื่อไทย ที่เชิญไปปรึกษาหารือ ว่าจะแก้ปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองในครั้งนี้อย่างไร

“เราได้รับความรู้สึกที่ดี และปรึกษากันอย่างตรงไปตรงมา ทางพรรคพปชร.ยืนยันว่าเรายึดมั่น ในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างแน่วแน่ และเพื่อให้ชาติมีความมั่นคง ประชาชนมีความผาสุก อยู่ดีกินดี รวมถึงการพัฒนาในเรื่องของเศรษฐกิจชาติบ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองด้วยระบบประชาธิปไตย”นายสันติ กล่าว

นายสันติ กล่าวต่อว่า ในหลักการดังกล่าว พรรคพปชร.ได้แจ้งทางพรรคเพื่อไทย ว่าพรรคที่เราจะร่วมทำงานได้นั้นจะต้องเป็นพรรคที่ไม่แตะหรือมีแนวคิดที่จะแก้ไขมาตรา 112 หากพรรคใดมีแนวคิดดังกล่าว ทางพรรคเราไม่สามารถที่จะร่วมทำงานหรือบริหารบ้านเมืองด้วยได้ จึงได้ยืนยันกับทางพรรคเพื่อไทยไปว่าตรงนี้

ถือเป็นหลักการสำคัญของพรรคพปชร. ที่เราจะปฏิเสธการทำงานกับพรรคก้าวไกลที่มีนโยบายจะแก้ไขมาตรา 112 เพราะเราอยู่ในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และในรัฐธรรมนูญ ได้เขียนอยู่แล้วว่า เรามีหน้าที่เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้น การที่จะไปแก้ไขมาตรา 112 นั้นเป็นเรื่องที่พรรคพปชร.รับไม่ได้ และเราแสดงความเจตจำนงที่แน่วแน่ของเราแล้ว

เมื่อถามว่าการพูดคุยกันวันนี้ไม่เกี่ยวกับการร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการพูดคุยกัน ไปแสดงเจตจำนงว่าเราคิดอย่างไรในการรีบตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อบ้านเมืองหลังจากนั้นจึงจะมีการพูดคุยในขั้นตอนถัดไป ด้านร.อ. ธรรมนัส กล่าวเสริม ว่า วันนี้เป็นการหารือเพื่อหาทางออกจากวิกฤติไม่ใช่เป็นการหารือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ย้ำว่าไม่มีการเชิญไปจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน

เมื่อถามต่อว่า หมายความว่าในอนาคตหากมีการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะไม่มีพรรคพปชร. ก็ได้ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พรรคพปชร.มีนโยบาย แนวทางและอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่เหมือนบางพรรค ดังนั้นการทำงานร่วมกันเรามองเห็นปัญหาในอนาคต ซึ่งกรรมการบริหารพรรค ได้ประชุมและมีจุดยืนชัดเจนว่า หากจะต้องร่วมรัฐบาลกับบางพรรค ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน เราขอไม่ร่วมดีกว่า ตรงนี้ชัดเจน

เมื่อถามว่าวันนี้เป้าประสงค์หลักของพรรคเพื่อไทยคือต้องการให้พรรคพปชร. สนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย การขอคะแนนเสียงหนุน ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้ที่มีการพูดคุยกันทางเพื่อไทยได้พูดชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยเชิญทุกพรรคในจำนวน 188 เสียง เขาเชิญทุกพรรคไปหารือเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤติบ้านเมือง

เมื่อถามว่าทางออกที่เสนอพรรคเพื่อไทยไปมี ข้อเสนออย่างไรกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่าทางออกควรจะเป็นอย่างไร นายสันติ กล่าวว่า เราได้แจ้งแนวทางของเราไปแล้วว่ากากพรรคใดที่มีแนวคิดว่าจะแก้ไขมาตรา 112 เราก็คงร่วมทำงานด้วยไม่ได้ ซึ่ฝพรรคเพื่อไทยจะได้นำไปคิดไตร่ตรองและวางแผน เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้แจ้งมาว่าได้รับฉันทานุมัติจาก 8 พรรค เป็นผู้ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อมาพูดคุยกันในแต่ละพรรค รวมถึงพูดคุยกับสว.

หลังจากนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะมาคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาให้พ้นวิกฤตของบ้านเมืองในครั้งนี้ได้ แต่ประเทศจะขาดรัฐบาลในการบริหารเป็นเวลานานไม่ได้ เพราะผ่านมา 2 เดือน กว่าแล้วจึงต้องรีบและความจริงก็เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองทุกพรรค สส.และสว. ทุกคนที่ต้องช่วยกัน เร่งรัดให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เพื่อบริหารประเทศ เพราะถึงอย่างไรเราก็จะต้องมีหัวหน้ารัฐบาลในการติดต่อประสานงานกับทั่วโลก

ประเทศไทยไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวประเทศเดียว เราจำเป็นต้องมีรัฐบาลเพื่อให้ต่างชาติได้เห็นถึงความมั่นคงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการบริหารประเทศ นักลงทุนจะได้กล้าเข้ามาลงทุนในบ้านเรา และจะได้รู้นโยบายต่างๆของรัฐบาลดังนั้นจึงเป็น หน้าที่ของพวกเราที่จะต้องสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยตอบหรือไม่ว่าจะต้องได้นายกฯในวันที่ 27 ก.ค. นายสันติ กล่าวว่า
พรรคเพื่อไทย ก็คงมีความตั้งใจอย่างนั้น จึงมีการเชิญขั้วพรรคการเมืองเก่ามาร่วมหารือ ว่าแต่ละพรรคมีแนวคิดอย่างไร และมีข้อจำกัดอย่างไรรวมถึงสว.ด้วย เพื่อที่จะได้ไปหาแนวทาง เพื่อให้พ้นวิกฤตในครั้งนี้

เมื่อถามว่าสรุป ถ้าจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล พรรคพปชร.ก็พร้อมที่จะร่วมรัฐบาลเลยใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลักการของพรรคพปชร.มีจุดยืนว่าเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นการ จะร่วมรัฐบาลกับใครหากมองเห็นว่าจะเกิดความแตกแยกในสังคมเราจะไม่ขอร่วมด้วย ตรงนี้ชัดเจน

เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพปชร.เห็นด้วยใช่หรือไม่ที่ไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้เรามีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว และมีความชัดเจนว่าเราจะต้องก้าวข้ามความขัดแย้งบนพื้นฐานอะไรบ้าง

เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายเศรษฐาแล้วไม่สามารถผ่านการเห็นชอบจากส.ว. ได้อาจมีการเสนอชื่อพลเอกประวิตร ด้วยนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ การที่เราจะจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีจำนวนสมาชิกรัฐสภาสนับสนุน เกินกึ่งหนึ่ง หากเสียงไม่พอเราไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะมันจะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมมากกว่า

เมื่อถามว่า บรรยากาศการจับขั้วรัฐบาลมักจะมีข่าวว่ามีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร จะชี้แจงอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรามีมติชัดเจนว่าเราจะไม่เสนอชื่อหัวหน้าพรรคหาเสียงสนับสนุนต่ำกว่าต่ำกว่า 250 เสียงตรงนี้ชัดเจน และเป็นนโยบายของพลเอกประวิตรด้วย

เมื่อถามว่าทำไมจึงมีกระแสข่าวว่าพล.อ.ประวิตรจะลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดทางเป็นพรรคไม่มีลุง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตรงนี้เป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรยังเป็นหัวหน้าพรรค และถือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองการที่จะการที่จะรับตำแหน่งอะไรในอนาคตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งท่านจะทำอะไรก็คงจะนึกถึงเกียรติประวัติที่ท่านสร้างมา

ส่วนวิสัยทัศน์ของคนที่จะเป็นนายกฯคนที่ 30 จะต้องเป็นแบบไหน ร.อ.ธรรมนัส กะว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯคนที่ 30 ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะเป็นผู้นำพา บ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งปัญหาทุกวันนี้ เพราะปัญหาทุกวันนี้ที่ถกเถียงกันอยู่เป็นเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์กับ ประชาชน ที่เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

แต่นักการเมืองในสภาฯกำลังเถียงอะไรกันอยู่ ดังนั้นคนที่จะมาเป็นผู้นำ ของประเทศชาติจะต้องนำพาประเทศชาติให้รอดพ้น เราผ่านวิกฤติโควิดมาแล้วตอนนี้กำลังเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะแก้ปัญหาวิกฤติให้รอดพ้น โดยเฉพาะปากท้องของประชาชนดังนั้นนายกฯคนต่อไปจะต้องเป็นบุคคลที่มีความพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาความแตกแยกในสังคม การนำพาเศรษฐกิจให้รอดถือเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามว่าไม่ห่วงปัญหากลุ่มที่ออกมาต่อต้าน และด้อมส้ม จนทำให้เกิดความวุ่นวายในประเทศใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติในการจัดตั้งรัฐบาลก็มักจะมีปัญหาแบบนี้แต่เมื่อเข้าสู่การบริหารบ้านเมืองไปแล้วสิ่งสำคัญคือคนที่จะมาเป็นผู้นำจะต้องพิสูจน์ฝีมือประเทศให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็นว่าสามารถนำพาประเทศไปได้ ทั้งการแก้ปัญหาวิกฤติและเศรษฐกิจซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน