วิโรจน์ ระบุถ้าสาเหตุไล่ก้าวไกล คือต้องการโกง เรายิ่งออกไม่ได้ กาง 8 แนวคิดบริหารประเทศ ฉบับก้าวไกล งงคนเกี่ยงร่วมรัฐบาลด้วย สงสัยกลัวจะโกงไม่ได้
วันที่ 24 ก.ค.2566 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ระบุว่า ถ้าสาเหตุ ที่ต้องหาข้ออ้างมาไล่ก้าวไกล คือ ต้องการโกง ต้องการผูกขาดฮุบสัมปทาน เรายิ่งออกไม่ได้ครับ เพราะถ้าออกเมื่อไหร่ ก็เท่ากับเปิดช่องโกงให้คนเหล่านั้นเข้ามากอบโกย เอารัดเอาเปรียบประชาชนทันที
นายวิโรจน์ โพสต์ถึงแนวคิดในการบริหารประเทศของพรรคก้าวไกล ทำไมต้องเกี่ยงต้องกลัวกันนักว่า หากติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา กับคำสัมภาษณ์เกี่ยวกับมุมมองต่อพรรคก้าวไกลประมาณว่า “ไม่ได้ติดขัดแค่เรื่อง ม.112 แต่แนวทางอุดมการณ์ต่างกัน ไม่สามารถให้พรรคก้าวไกลมีอำนาจทางการเมืองมากไปกว่านี้ได้” และ “ไม่สามารถทำงานได้ หากมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล เพราะแนวความคิดต่างกัน”
สะท้อนว่าประเด็นเรื่องการแก้ไข ม.112 น่าจะเป็นเพียงข้ออ้างอย่างที่หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานไว้จริงๆ
และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงข้ออ้างก็ตาม หาก สว.ท่านใด หรือพรรคไหน ยังคงมีความกังวลในเรื่องนี้ พรรคก้าวไกลก็ยินดีเปิดใจรับฟัง
เพียงแต่อยากให้สรุปเป็นข้อเสนอมาเลยว่าคำว่า “ถอย” หรือ “ลด” ที่พูดๆ กันนั้นมีรายละเอียดอะไรบ้าง ผมเชื่อว่าหากไม่กระทบกับจุดยืน และเจตนารมณ์ที่ดีอย่างรุนแรง การยืดหยุ่นภายใต้สถานการณ์ที่เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นการขยายกรอบเวลา การจัดลำดับก่อนหลังในการดำเนินการ การมีกระบวนการเพิ่มเติม ในการทบทวนเนื้อหา และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายอย่างรอบคอบรอบด้านมากขึ้น ก็เป็นเรื่องที่พิจารณาได้
ที่ผ่านมาการแก้ไข ม.112 เราก็ยืดหยุ่นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการไม่บรรจุให้เป็น MOU ของ 8 พรรคร่วม และไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ต่อพรรคร่วมรัฐบาลเลย
เอาว่าวาทกรรมเรื่อง “ถอย” หรือ “ลด” เอาเนื้อหามากางคุยกันก่อนดีกว่า เพื่อจะได้คลี่คลายความกังวลร่วมกันอย่างเปิดเผยและเป็นรูปธรรม มิฉะนั้น เรื่อง ม.112 ก็จะถูกนำมาเป็นข้ออ้างลอยๆ แบบไม่จบไม่สิ้น
สำหรับข้อกล่าวหาที่ระบุว่า แนวความคิดของพรรคก้าวไกลนั้น มีความแตกต่าง ขนาดที่ถึงกับต้องพูดว่าถ้ามีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย จะทำงานไม่ได้ แถมยังปล่อยให้พรรคก้าวไกลมีอำนาจทางการเมืองไปมากกว่านี้ไม่ได้
ผมว่าประเด็นนี้ ทำให้ประชาชนอยากรู้ว่าแนวความคิดของพรรคก้าวไกลในการบริหารประเทศนั้นเป็นอย่างไร ทำไมถึงกับต้องเกี่ยง ต้องกลัวกันถึงขนาดนี้
ผมตอบสั้นๆ ได้เลยว่า แนวความคิดของพรรคก้าวไกลในการจัดการงบประมาณและการบริหารราชการแผ่นดินจริงๆ แล้วเป็นเรื่องพื้นฐานที่ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาทำกัน และไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัวเลย ซึ่งแบ่งเป็น 8 ประเด็น ดังนี้
1.การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเอาจริงเอาจัง
2.การเปิดเผยข้อมูลการบริหารราชการอย่างโปร่งใส การใช้จ่ายงบประมาณต้องมีประสิทธิภาพ
3.การจัดการกับปัญหาทุนผูกขาด ให้ประชาชนมีโอกาสลืมตาอ้าปาก ประกอบกิจการตามความฝันของตน
4.การจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม ไม่ยอมให้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนเครือข่ายอุปถัมภ์ กินรวบทรัพยากรของประเทศ ยึดกุมสัมปทานที่เอารัดเอาเปรียบ มัดมือชกรีดนาทาเร้นประชาชน อย่างไม่เป็นธรรม
5.การกระจายอำนาจ กระจายการลงทุนไปสู่ท้องถิ่น ไม่กระจุกความเจริญไว้ที่ส่วนกลาง
6.การปรับปรุงสวัสดิการ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมกันในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
7.การลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความก้าวหน้า พร้อมที่จะแข่งขัน และร่วมมือกับนานาอารยประเทศ
8.การปกป้องคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ของประชาชน ในฐานะที่ประชาชนเป็นเจ้าของอธิปไตย และกองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ไม่มีการทำรัฐประหารอีกต่อไป
แนวความคิดทั้ง 8 ข้อล้วนเป็นเรื่องที่ดีทั้งสิ้น ผมไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนที่น่ากลัวเลย คนที่บอกว่าทำงานกับแนวความคิดของพรรคก้าวไกลไม่ได้ อาจจะยังไม่เข้าใจก็ได้ เลยรู้สึกกังวลไปเอง อย่างไรสามารถทบทวนใหม่ได้
ถ้าบอกว่าแนวความคิดของพรรคก้าวไกลจะทำให้โกงไม่ได้ ทุจริตไม่ได้ คอร์รัปชั่นไม่ได้ ฮั้วประมูลไม่ได้ อันนี้ผมจะไม่เถียงเลยสักคำ
จริงๆ แล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ อาจจะเป็นการปะทะกันระหว่างวลี 2 วลี อยู่ก็ได้
วลีแรก “กูไล่มึงออก มึงไม่ออกกูจะแ…กยังไง” กับวลีที่สอง “กูไม่ออก ออกแล้วประชาชนจะเอาอะไรแ…ก” ซึ่งประชาชนคงต้องติดตามต่อไปว่าในท้ายที่สุดแล้ว วลี 2 วลีนี้ วลีไหนจะเป็นฝ่ายชนะ