พิธา ลั่น ไม่ต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน บอกประชาชนเลือกมาเป็นนายกฯ เชื่อ ‘ปดิพัทธ์’ ไม่ลาออก มั่นใจทำงานอย่างเต็มที่ หลังเจอดราม่าหมูกระทะ-การแต่งกาย

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 25 ส.ค. 2566 ที่ตลาดนัดหนองกะพ้อ จ.ระยอง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่ช่วย นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร สส.เขต3 ระยอง หาเสียงเลือกตั้งซ่อมว่า พรรคก้าวไกลมีความมั่นใจ แต่ไม่ประมาท ซึ่งมั่นใจว่าประชาชนยังไม่ลืมเรา ถึงแม้จะเป็นฝ่ายค้านก็จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ยังสร้างประโยชน์ให้ประชาชนได้

ส่วนบทบาทของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่มากกว่าการทำงานฝ่ายค้านแบบรูทีน เพื่อเตรียมตัวในการเลือกตั้งครั้งต่อไปและการเลือกตั้งทุกระบบ ตั้งแต่ อบจ.ท้องถิ่น สส. สสร. ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวแทนของประชาชนเราก็ต้องเตรียมตัวที่จะเป็นผู้นำทางการเมืองต่อไปไม่ว่าสถานะจะเป็นอย่างไร

“ผมไม่คิดว่าประชาชนเลือกผมมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ฉะนั้น คิดว่าไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เราต้องการ เราต้องเตรียมตัวเพื่อให้เป็นแคตดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป น่าจะเป็นในมุมมองนั้นมากกว่า โดยจะเป็นบทบาทของพรรคก้าวไกล และบทบาทของผมในฐานะผู้นำพรรค” นายพิธากล่าว

เมื่อถามว่าความชัดเจน ระหว่างตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 และตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะเลือกอะไร นายพิธา ย้ำว่า ตนไม่ต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่านายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ก็ไม่ต้องลาออกใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่าอย่างนั้น เพราะนายปดิพัทธ์ พยายามทำงานอย่างเต็มที่และสร้างสรรค์ และตนไม่ค่อยได้มีพูดคุยกัน จึงต้องขอส่งกำลังใจไปให้ด้วยในการทำหน้าที่ ที่ตัวเนื้อหา กฎหมาย ญัตติ และกระทู้ที่ยังทำไม่ได้ในตอนนี้ ก็อยากจะให้เน้นเกี่ยวกับสารถะของการเป็นรองประธานสภาที่ดี

ส่วนที่มีประเด็นดราม่าทั้งเรื่องหมูกระทะ และการแต่งกายนั้น นายพิธา กล่าวว่า ก็ต้องเข้มแข็ง และให้ทำงานอย่างมีวุฒิภาวะ อย่าเสียสมาธิกับเรื่องที่ไม่ได้เป็นประโยชน์กับประชาชน

“ผมเชื่อว่าเพื่อนของผมคนนี้มีจิตใจเข้มแข็งอยู่แล้ว เป็นสส.เขตมาตั้งแต่อนาคตใหม่ ผ่านอะไรมาเยอะ ผมคิดว่าเขาเอาอยู่” นายพิธากล่าว

เมื่อถามว่า มองหรือไม่ว่าเป็นเกมที่ถูกบีบในสภาหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ก็เป็นเกมในสภา ไม่ได้บีบอะไร และตนไม่เชื่อว่า นายปดิพัทธ์ จะรู้สึกอะไร

นายพิธา กล่าวถึงสภาพจิตใจของตนเองและคนในพรรคด้วยว่า สำหรับตน เวลาลงพื้นที่ประชาชน ก็บอกว่าอย่าเสียใจ ตนพูดได้เต็มปากเต็มคำ ตนภูมิใจมากกับสิ่งที่เราได้ทำด้วยกัน ตอนเริ่มทำแคมเปญก็บอกแค่ 30 เสียง ตอนนี้โตมา 5 เท่าเป็น 150 เสียง ฉะนั้นก็ไม่มีอะไรให้เสียใจ มีแต่เรื่องที่จะต้องภูมิใจกับสิ่งที่เรียนรู้มา

ตนรู้สึกว่า ตนเองเป็นนักการเมืองที่ดีขึ้นมาก ตอนนี้เป็นพิธา เวอร์ชั่น 2 ที่รู้จักรับฟัง มีวุฒิภาวะ และเข้าใจในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้นตนรู้สึกภูมิใจในการเดินทางของพรรคก้าวไกลเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน