ตำรวจไทยฉาวอีกแล้ว 21 นายไปงานเลี้ยงบ้านกำนัน สารวัตรทางหลวงถูกยิงตาย ตำรวจอีกนายเจ็บ อีก 19 นายไม่รู้มัวทำอะไร มือปืนหนีไปได้ ก่อนถูกวิสามัญฯ

ใครผิดใครถูกยังต้องรอดู แต่ชาวบ้านฟังแล้วหนาว นั่งกินข้าวกลางวงตำรวจก็อาจถูกยิงตายไม่มีใครช่วยทัน

“มท.หนู” (อย่าเรียก มท.1) สั่งชาดา ไทยเศรษฐ์ ขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล ให้ประชาชนอุ่นใจทั่วกัน นายกฯ เศรษฐาประกาศกร้าว รัฐบาลไม่ยอมรับการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง

เชื่อเศรษฐาแต่ไม่เชื่อระบบโควตา ที่จัดสรรให้พรรคร่วมรัฐบาล ให้รัฐมนตรีตัวแทนกลุ่มต่างๆ และไม่เชื่อรัฐราชการ ที่ปลายรัฐบาลประยุทธ์เกิดเรื่องโจ๋งครึ่ม ทั้งจับกุมอธิบดี ทั้งทุนจีนสีเทา พัวพันแทบทุกหน่วยงาน ตำรวจ ทหาร ตม. ปปง. ดีเอสไอ ถูกดำเนินคดีเฉพาะบางรายแล้วเรื่องก็เงียบหายไป

“ตั๋วช้าง” ส่วยทางหลวง รัฐบาลนี้จะจัดการได้ไหม นี่ไม่ใช่เรื่องหัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก แต่เป็นปัญหาโครงสร้าง รัฐราชการอำนาจนิยม ใหญ่โตขึ้นใน 9 ปีระบอบประยุทธ์ เจ้าหน้าที่ดีเลวมีทุกยุคสมัย แต่ระบบกฎหมายที่เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจ เช่นตำรวจยัดข้อหาได้ง่าย ก็ทำให้ฉ้อฉลได้ง่าย

ประชาชนเชื่อใครได้ องค์กรอิสระก็ทำให้กังขา ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด อิทธิพล คุณปลื้ม หลังเกิดเหตุ 14 ปี 10 เดือน เกือบหมดอายุความ 15 ปี หลังเป็นรัฐมนตรีจนครบวาระ อัยการสูงสุดสั่งฟ้องไม่มาศาลต้องออกหมายจับ แม้อ้างว่ากฎหมายใหม่ไม่มีอายุความ

วุฒิสภาตั้งกรรมการสอบกันเองก็ลงมติว่า สว.ที่ถูกกล่าวหาฝากตำรวจฝากทหาร ไม่ผิดจริยธรรม

ม็อบเยาวชน 63-65 ถูกตำรวจอัยการตั้งข้อหารุนแรง สั่งฟ้องแทบทุกคดี แต่ย้อนดูคดีทุนจีนสีเทา อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีผู้มีอิทธิพลจำนวนมาก อัยการสั่งไม่ฟ้อง แม้อาจอ้างว่าพยานหลักฐานไม่พอ แต่ใครตรวจสอบอัยการ ใครตรวจสอบ ป.ป.ช. ใครตรวจสอบวุฒิสภา

ประจักษ์ ก้องกีรติ ชี้ว่า กระบวนการยุติธรรมที่มีหลายมาตรฐานและขาดความเสมอภาค คือรากฐานความขัดแย้ง ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ความล้มเหลวในการขจัดคอร์รัปชั่น และกระทบความน่าเชื่อถือของประเทศ

รู้ไหมว่าขณะที่รัฐบาลกระตุ้นท่องเที่ยว “ฟรีวีซ่า” หนังจีนสร้างจากเรื่องจริงสามีลวงฆ่าภรรยาที่ผาแต้ม ก็กระทบภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยมาเลเซีย เพราะสื่อว่าเต็มไปด้วยคอร์รัปชั่น เป็นสวรรค์แก๊งมาเฟีย

หนังอีกเรื่องเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำคนจีนไม่กล้าเที่ยวพม่า กัมพูชา อันนี้อย่าว่าแต่คนจีน คนไทยก็อกสั่นขวัญแขวน แต่อดีตรัฐมนตรีดีอีเอสจะแก้ปัญหาด้วยการปิดเฟซบุ๊ก

คนทำมาค้าขายก็อกสั่นขวัญแขวน ไม่รู้วันไหนจะมีทนายมายื่นโนติสเรียกร้อยล้านละเมิดลิขสิทธิ์ เราอยู่ในระบอบที่ปกครองด้วยกฎหมาย

ใครจะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเกี่ยวข้องตั้งแต่องค์กรตามรัฐธรรมนูญ แก้ไขกฎหมาย และปฏิรูปโครงสร้างองค์กรบังคับใช้กฎหมายทุกด้าน

นี่เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่ารัฐบาล ต้องอาศัยพลังประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และพลังทางสังคมที่ร่วมผลักดันการเปลี่ยนแปลง

พรรคก้าวไกลจึงชนะเลือกตั้ง เพราะคนเบื่อคนเกลียดอำนาจรัฐราชการ แล้วตั้งความหวังว่ารัฐบาล 8 พรรค 312 เสียงจะปฏิรูปได้บ้าง

รัฐบาลพลิกขั้วจะไม่สามารถปฏิรูปโครงสร้างรื้อรัฐราชการอำนาจนิยม เพราะสวามิภักดิ์เครือข่ายอำนาจอนุรักษ์ไปแล้ว จะแก้รัฐธรรมนูญก็ยังยาก

แก้อะไร รัฐบาลเพื่อไทยจะบอกว่าองค์กรอิสระ กกต. ป.ป.ช. ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นเครื่องมือของรัฐประหาร?

อ้าว ก็ทักษิณยอมรับผิดแล้ว สำนึกผิดแล้ว ขอรับโทษตามกระบวนการยุติธรรม พรรคเพื่อไทยจะไปรื้อล้างได้อย่างไร

รัฐบาลเพื่อไทยอาจทำได้ดีกว่ารัฐบาลประยุทธ์ในเชิงปริมาณ เพราะตัวบุคคลอย่างเศรษฐา อย่างภูมิธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ฯลฯ เข้าใจประเด็นสิทธิเสรีภาพและข้อเรียกร้องของประชาชนมากกว่า แต่ไม่ใช่เชิงคุณภาพ เพราะไม่สามารถแก้โครงสร้างอำนาจ ไม่สามารถรื้อตำรวจทหาร ไม่ได้คุมกระทั่งมหาดไทย

ในแง่แนวคิด ก็ไม่ส่งเสริมกระจายอำนาจ จะยิ่งกระชับอำนาจด้วยผู้ว่าฯ CEO โดยหวังประสิทธิภาพเฉพาะหน้า

ประเด็นที่น่ากลัวคือมันอาจย้อนแย้งไปอีกทาง 4 ปีที่ผ่านมาระบอบประยุทธ์ใช้นักการเมืองระบบอุปถัมภ์เป็นฐาน เป็นพลังดูดพลังค้ำ แล้วเครือข่ายประยุทธ์กับนักการเมืองระบบอุปถัมภ์ ก็หันมาหนุนเพื่อไทย

รัฐราชการอำนาจนิยมกับนักการเมืองบ้านใหญ่ อาจจะไฮบริดกัน พึ่งพาอาศัยกันเพื่อรักษาอำนาจ

ลองนึกภาพผู้ว่าฯ นายอำเภอ นายทหาร ผู้การ ผู้กำกับ นั่งกินข้าวบ้าน สส.ขาใหญ่ เศรษฐีประจำจังหวัด ซึ่งญาติเป็นนายกอบจ. กินข้าวประจำทุกเดือน คุยเรื่องเอางบประมาณลงพื้นที่ คุยเรื่องจัดซื้อจัดจ้าง คุยเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย ฯลฯ

17 ปีก่อน คนจำนวนหนึ่งหนุนรัฐประหารหวังปราบนักการเมือง แต่พอตื่นรู้พิษภัยรัฐประหาร เขาก็ไปจับมือนักการเมือง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน