สว.คำนูณ ถามนโยบายรัฐบาลแบบเทหน้าตักของใคร หวั่นแจกเงินดิจิทัลทำไปก่อนจ่ายคืนทีหลัง เหมือนโครงการจำนำข้าว ห่วงแตะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ

เมื่อเวลา 11.19 น. วันที่ 11 ก.ย. 2566 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 นายคำนูณ สิทธิสมาน สว. กล่าวอภิปรายว่า นโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้นถือเป็นนโยบายที่ชาญฉลาดและกล้าหาญ แต่ก็แฝงความสุ่มเสี่ยงเอาไว้มาก ในเอกสาร 14 หน้านี้ท่านใช้คำว่าจุดชนวน กระตุ้น กระตุก และก็ถือเป็นเหมือนจุดแรกของนโยบายทั้ง 14 หน้า

ถ้าทำสำเร็จและมีการใช้จ่ายมโหฬารในรอบ 6 เดือนด้วยจำนวนเงินที่ทุ่มลงไปเกือบเท่างบลงทุนใน 1 ปี เกิดการหมุนของเศรษฐกิจในรอบ 6 เดือนและในรอบที่จะมีการเติมเงินลงไป เพราะผู้ผลิตจะต้องเตรียมของไว้ขาย ผลสรุปมันก็ดี

ตนเห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการเปิดหน้าใหม่ของภูมิรัฐศาสตร์การเมืองไทย มีการลงทุนไปสูงมากกับการเดิมพัน 4 ปี และนายกฯ ได้กล่าวไว้ด้วยถ้อยคำที่ว่า “ไม่ใช่แค่สูงมาก แต่ท่านเทหมดหน้าตัก” ตนอยากจะพูดถึงนโยบายนี้ เพราะการเทหมดหน้าตักของท่านในครั้งนี้ มันไม่ใช่หน้าตักของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ของพรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้เท่านั้น แต่เป็นหน้าตักของประเทศไทยใช่หรือไม่

นายคำนูณ กล่าวว่า งบประมาณสูงเท่างบลงทุนใน 1 ปีเทไปโครมเดียว สิ่งที่ตั้งคำถามก่อนหน้านี้คือที่มาของเงิน เอาเงินมาจากไหน ซึ่งเพื่อไทยได้แถลงไว้อย่างชัดเจน และเอกสารที่ท่านชี้แจงต่อ กกต. เมื่อวันที่ 20 เม.ย.66 ท่านชี้แจงไว้ว่าเงินทั้งหมดจากมาจากการบริหารระบบงบประมาณปกติ และการบริหารระบบภาษี แต่ตนมองว่าจะเป็นโครงการที่อยู่ในงบประมาณและเป็นงบรายจ่ายประจำปี2567

แต่มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งออกมาให้ข่าวว่าที่มาของเงินนั้นจะใช้ระบบที่หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจปฏิบัตินโยบายของรัฐตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง 2561 มาตรา 28 คือให้รัฐวิสาหกิจทำไปก่อนแล้วมาตั้งงบประมาณจ่ายคืนทีหลัง ซึ่งก็คือ จะเป็นเสมือนโครงการจำนำข้าวเมื่อ 10 กว่าปีก่อน และเรื่องของเวลาก็เช่นกันงบประมาณรายจ่ายประจำปี2567 ในที่สุดจะใช้ได้จริงช่วงไหน จะเดือนมี.ค. หรือเม.ย. แล้วโครงการนี้ท่านบอกว่าจะเป็นช่วงมี.ค.67

ดังนั้น ที่มาของเงินจะเป็นโครงการในงบประมาณ หรือเป็นโครงการนอกงบฯ และเมื่อรวมกับโครงการเร่งด่วนเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินจะต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่ และสุดท้าย เป็นห่วงว่าเมื่อแหล่งที่มาของเงินยังมีปัญหา จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะไปแตะเงินส่วนอื่นของประเทศที่ถูกมองว่าประเทศเรามีอยู่มากเพียงพอที่จะนำมาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ทุนสำรองระหว่างประเทศเหมือนในอดีตที่พรรคของท่านแถลงในที่นี่ แล้วบอกว่าจะบริหารสินทรัพย์ของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตอนนั้น มีแนวความคิดที่จะตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ก็ตั้งไม่ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน