โฆษกรัฐบาล เผยยกระดับบัตรทอง 30 บาท ใช้บัตรประชาชนใบเดียว รักษาทุกที่ทุกเครือข่ายรพ.รัฐ-เอกชน พร้อมใช้งาน 8 ม.ค.67 นำร่อง 4 จังหวัด

วันที่ 13 พ.ย.2566 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ หรือซุปเปอร์บอร์ดระบบสุขภาพ กำชับการทำงาน และยินดีความสำเร็จในการนำร่องนโยบาย ยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ซึ่งจะเปิดให้ประชาชน “ใช้บัตรประชาชนใบเดียว” เข้ารับการรักษาได้ในสถานพยาบาลทุกเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน

โดยจะเริ่มใช้งานในวันที่ 8 ม.ค.2567 ซึ่งได้คัดเลือก 4 จังหวัดนำร่องแล้ว ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส

นายชัยกล่าวว่า สำหรับการให้บริการที่จะเริ่มนำร่อง ตามมติของคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ มีทั้งหมด 5 บริการ ประกอบด้วย 1.การใช้บัตรประชาชนใบเดียว รับบริการได้ทุกที่ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีสามารถเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ การเขียนใบส่งตัวจึงไม่จำเป็น ขณะนี้ สปสช.อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของระบบข้อมูล และคาดว่าจะแล้วเสร็จเร็วๆนี้

2.การรักษามะเร็งครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มเด็ก การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม หากตรวจพบก็จะถูกส่งต่อเข้ารับการรักษาต่อไป

3.การเข้าถึงบริการในเขตเมือง โดยเฉพาะ กทม. โดยทยอยเพิ่มหน่วยบริการ เช่น แขวงทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง ซึ่งเป็นจุดที่หน่วยบริการยังมีน้อย รวมทั้งการประสานร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเชิญเอกชนเข้ามาร่วมให้บริการมากขึ้น ทั้งร้านยา แลปเอกชน คลินิกทันตกรรม คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกพยาบาล

4.สถานชีวาภิบาล หรือการดูแลระยะสุดท้าย ซึ่งเดิมจะดูแลในโรงพยาบาล แต่พบว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ประสงค์อยากกลับไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งการดูแลระยะท้ายจะต้องดูแลโดยมีหลักวิชาการ ทั้งด้านแพทยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยจะบูรณาการความร่วมมือทั้งหน่วยงานทางสังคม เช่น วัดในชุมชน ร่วมกับโรงพยาบาล

5.การดูแลสุขภาพจิต ซึ่งจะมีการพัฒนาและขับเคลื่อนลงไปในระดับชุมชน ขณะเดียวกัน สปสช. มีสายด่วน 1330 อยู่เดิม ซึ่งเป็นตัวกลางในการประสานงาน รวมทั้งมีช่องทางเฟสบุ๊ก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ Line OA สปสช.

ความคืบหน้าการทำงานทั้งหมดนี้ คืบหน้าแล้วกว่า 80% หลังจากทดลองระบบในรอบแรก และจะมีการทดลองระบบเป็นระยะ ๆ อีกครั้งในช่วงต้นเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งจะพิจารณาถึงระยะที่ 2 เพื่อให้จังหวัดอื่น ๆ ได้ทดลองใช้บริการ ซึ่งผลจากการนำร่องของ 4 จังหวัดแรก ได้สะท้อนข้อมูลจากของประชาชนที่มาใช้บริการ อาทิ ความสะดวกของประชาชน พฤติกรรม และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้การนำร่องในระยะที่ 2 มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

คณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติคาดว่า ระบบข้อมูลทั้งระบบต้องเสร็จสมบูรณ์ภายใน 1 ปี โดยจะเกิดการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้รอยต่อทุกสังกัด บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่และทั่วประเทศ ขณะที่สิทธิการรักษาอื่น ๆ ทั้งประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ จะมีการหารือกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และกรมบัญชีกลางให้พิจารณาต่อไป

“นายกฯ ให้ความสำคัญกับระบบการดูแลด้านสุขภาพเพื่อประชาชนทุกคน เชื่อว่าหลักประกันสุขภาพเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้ประชาชน และต้องการบริหาร พัฒนาการบริการให้มีศักยภาพมากขึ้น ครอบคลุม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ใช้บัตรประชาชนใบเดียวแต่รักษาทุกโรค โดยนายกฯ เชื่อมั่นว่าจะพัฒนานโยบายนี้ให้สำเร็จต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนชาวไทย” นายชัยกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน