ครม.เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.ยกเลิก กฎหมายเช็ค เพิ่มโทษคนจงใจเจตนาออกเช็คเด้ง กำหนดค่าปรับให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า พร้อมห้ามบุคคลนั้นไม่สามารถใช้เช็คได้เป็นเวลา 3 ปี
วันที่ 21 พ.ย.66 นายชัย วชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เนื่องจากในอดีตตั้งแต่ปี 2534 จ่ายเช็คแล้วเด้งมีโทษติดคุก 1 ปีปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ล่าสุดกระทรวงยุติธรรมเสนอให้ยกเลิกกฎหมายเดิมทั้งฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดทำกฎหมายเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายเท่าที่จำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้า เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และกำหนดโทษทางอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรงจริงๆ
นอกจากนี้เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และสอดคล้องกับข้อ 11 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่กำหนดให้บุคคลจะถูกจำคุกได้เพียงเพราะเหตุว่าไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญามิได้ โดยข้อตกลงระดับนานาชาติหลายอย่างมีหลักการว่า การไม่สามารถที่เช็คจะขึ้นเงินไม่ได้ความผิดควรจะเป็นความผิดแค่ทางแพ่ง ไม่ควรจะถึงขั้นต้องติดคุก
อย่างไรก็ตาม ครม.ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของสมาคมธนาคารไทยไปหาวิธีหรือมาตรการในการปฏิบัติควบคู่ไปด้วย โดยสมาคมธนาคารไทยเห็นด้วยที่บุคคลที่ปฏิบัติผิด ไม่สมควรรับโทษทางอาญา แต่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกกฎหมายทั้งฉบับ เนื่องจากปกติการฟ้องทางแพ่งอย่างเดียว ต้องใช้เวลานานกว่าจะเรียกเงินคืนได้ และไม่เป็นธรรมแก่เจ้าหนี้ หากยกเลิกไปเฉยๆ เจ้าหนี้จะมีปัญหา และไม่ได้รับความเป็นธรรม
จึงเสนอให้กำหนดโทษทางอาญา สำหรับผู้ที่เจตนาออกเช็คโดยไม่สุจริต โดยให้แยกระหว่างคนที่ออกเช็คไปแต่เงินหมุนไม่ทันจริงๆ เพื่อเป็นการคุ้มครองเจ้าหนี้ หรืออย่างน้อยควรให้มีมาตรการคู่ขนานเช่น ถ้าเกิดกรณีเช็คเด้งให้สถาบันการเงินส่งข้อมูลไปที่บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อให้สถาบันการเงินอื่นๆ ได้ข้อมูลไปประกอบว่าต่อไปนี้บุคคลดังกล่าว ที่จ่ายเช็คเด้งจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เช็คได้อีก หรือกำหนดค่าปรับให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า พร้อมห้ามบุคคลนั้นไม่สามารถใช้เช็คได้เป็นเวลา 3 ปี เป็นต้น