กกต. ยันฝ่ายปฏิบัติมีความพร้อมเต็มที่ คาดใช้งบทำประชามติ 3,000 ล้าน ระบุ 2 สส.ก้าวไกลที่ถูกขับออก หาพรรคไม่ทันก็เลือกตั้งแทน ย้ำตอนนี้ยังมีเวลาหาพรรคใหม่อยู่

เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2566 ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงข้อเสนอการแก้ไข พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 13 เกี่ยวกับจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงต้องออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง และต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งจากผู้มาใช้สิทธิว่า กกต.ไม่มีความเห็น แต่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวว่าจะมีประชามติหรือไม่ หรือให้มีประชามติช่วงใด

ในฐานะฝ่ายปฏิบัติ เรามีความพร้อม ไม่ว่าจะมีการทำประชามติเมื่อใด เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงานกกต.อยู่แล้ว

นายแสวง กล่าวต่อว่า ส่วนงบประมาณที่ใช้จัดทำประชามติ จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งครั้งที่ผ่านมา ใช้งบประมาณ 2,700 ล้านบาท แต่ครั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อมีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงมากขึ้น หน่วยออกเสียงและกรรมการประจำหน่วย ต้องเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งมีกฎหมายแก้ไขใหม่ รูปแบบอาจต่างไป ดังนั้น งบที่ใช้ทำประชามติ อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คาดว่าจะใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

นายแสวง กล่าวถึง 2 สส. ที่พรรคก้าวไกลขับออกจากพรรค ซึ่งใกล้ครบกำหนดการหาพรรคสังกัดภายใน 30 วันว่า ถ้าหาพรรคใหม่สังกัดไม่ทัน ก็ต้องพ้นสมาชิกภาพการเป็นสส. เราต้องจัดเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง แต่ตอนนี้ทั้ง 2 คนยังมีเวลาหาพรรคใหม่สังกัด หรืออาจเป็นสมาชิกพรรคไหนแล้วก็ได้ แต่กระบวนการของพรรคนั้นอาจจะยังไม่ได้แจ้งมายังระบบของ กกต. เพราะการจะเป็นสมาชิกพรรค ทางพรรคจะแจ้งเราเข้ามาเป็นรอบๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงาน กกต.ถึงจะทราบได้

เมื่อถามว่าตามหลักกฎหมายแล้วจะเริ่มนับจากวันไหน นายแสวง กล่าวว่า ในกรณีแรกพรรคขับออกวันที่ 31 ต.ค.ก็จะพ้นจากพรรควันที่ 1 พ.ย. ส่วนกรณีที่ 2 จะพ้นวันที่ 7 พ.ย.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน