เศรษฐา ร่ายยาวอบรมในหลักสูตร วบส. ย้ำใช้คอนเน็กชั่นในทางที่ถูกต้อง เป็นเรื่องดี อย่าใช้ทรัพยากรรัฐ ทำตัวน่ารังเกียจ อัดอั้นอยากแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ธ.ค.2566 ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐถกาพิเศษ ในหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทย” ในงานสัมมนาวิชาการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง หรือ วบส. ตอนหนึ่งถึงการอบรมในหลักสูตร วบส.ว่า หากใช้คอนเน็กชั่น ให้เป็นประโยชน์ ใช้ความรู้ความสามารถในทางที่ถูกต้อง ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากใช้เรื่องเหล่านี้วางตนเหนือท่าน ยกตนเหนือท่าน ใช้ทรัพยากรของรัฐโดยไม่ถูกต้อง ถือว่าท่านเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ

มีหลายหลักสูตรที่ไปเรียนเรื่องเหล่านี้แล้วปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง ท่านเป็นบุคคลพิเศษ ได้รับเกียรติจากสถาบันที่มีเกียรติ มาพบปะสังสรรค์มาอยู่ร่วมกัน มาช่วยทำประโยชน์ให้สังคม บางท่านอาจบอกว่าธุรกิจเล็กนิดเดียวจะไปทำได้อย่างไร ทำให้ความเหลื่อมล้ำในสังคมหายไปได้อย่างไร

ตนมีความตั้งใจจริงที่จะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม และเหตุผลหนึ่งที่ตนมาพูดในวันนี้ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ เพราะรู้แล้วว่าทุกคนติดตามอยู่ว่าตนทำอะไรอยู่บ้าง แต่อยากวิงวอนอ้อนวอนทุกคน ว่าท่านเป็นบุคคลที่มีต้นทุนสูงทางสังคมและสามารถช่วยลดช่องว่าง ความไม่เท่าเทียม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วบส. ได้ให้กำลังใจกับนายกฯ โดยระบุว่า การที่ประเทศไทยได้นายกฯชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯคนที่ 30 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเหมือนโชคชะตาส่งมาให้ช่วยขับเคลื่อนประเทศชาติ ทุกคนขอเป็นกำลังใจ ยอมรับว่าสถานการณ์ไม่ง่าย ข้าวยากหมากแพง ภาวะโลกร้อน การขัดแย้ง สารพัดปัญหาถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับคนที่ยืนเป็นหัวเรือของประเทศ

ตัวแทน ได้ถามว่า ก่อนจะเป็นนายกฯ ในฐานะนักธุรกิจแนวหน้า มีเรื่องอัดอั้นตันใจอะไรที่ซีเรียสมากที่สุด และคิดว่าถ้ามีโอกาสขับเคลื่อนจะทำอะไรเป็นสิ่งในฐานะนายกฯ และได้นำประสบการณ์หรือแนวทางการบริหารงานในเชิงธุรกิจมาใช้ขับเคลื่อนประเทศอย่างไร มีการปรับเปลี่ยนแนวทางอย่างไร เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในขณะนี้ นายเศรษฐา ตอบว่า เรื่องที่ทำให้อัดอั้นตันใจ คือเรื่องของความเหลื่อมล้ำ เพราะปฏิเสธไม่ได้ ตนเองก็มีเยอะ และบางครั้งก็ใช้จ่ายเยอะ จนกระทั่งละอายใจ

“อย่างการมีนาฬิกาหลายเรือน จนไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม แต่ไม่ปฏิเสธว่าอยากมีอีก แต่คิดแล้วก็ทุเรศตัวเองเพราะบางคนเขาไม่มี และพูดแบบนี้ไม่ใช่ตัวเองดูดี มันมีความขัดแย้งในตัวเอง” นายกฯ กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า นิสัยส่วนตัว เวลาไปทานข้าวที่ไหนไม่ชอบคำว่าโต๊ะวีไอพี ไม่ชอบแบ่งอาหารสำรับ ไม่ชอบแบ่งไวน์สองเกรด ตนไม่ชอบ จึงไม่สบายใจเวลาลงพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยหรือทำเนียบรัฐบาล จะบอกทีมงานเสมอว่า กินข้าวสำรับเดียวกับนักข่าวและเจ้าหน้าที่ทุกคน ถ้าให้กินพิเศษ ตนไม่เอา เรื่องความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องที่พยายามผลักดันมาตลอด แต่ยังไม่สำเร็จ เป็นเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้อยากเข้ามาการเมืองตรงนี้








Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การกล่าวปาฐกถาในครั้งนี้ ถือเป็นการพูดบนเวทีที่นานที่สุดในรอบ 3 เดือน ใช้เวลาถึง 40 นาที และหลักสูตร วบส.นี้ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยานายกฯ เป็นนักศึกษา วบส.รุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นคณะจัดงาน แต่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานแต่อย่างใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน