สส.ภูมิใจไทย ชงสภาฯ แก้กฎหมายอาญา เพิ่มนิยาม ‘คุกคามทางเพศ’ ไม่ต้องรอให้เหยื่อถูกกระทำ พร้อมเพิ่มบทลงโทษ ‘กระทำชำเรา ให้ครอบคลุมทุกเพศ ไม่เฉพาะแค่สตรี
วันที่ 20 ธ.ค.2566 ที่รัฐสภา น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช สส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย(ภท.) นำสมาชิกพรรค แถลงข่าวเสนอ ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ในประเด็นเรื่องการคุกคามทางเพศ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ค้างในสมัยประชุมที่แล้ว เสนอโดยน.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ อดีต สส.กทม.
น.ส.พัชรินทร์ ระบุว่า หลายคนอาจทราบถึงกฎหมายฉีดไข่ฝ่อ หรือกฎหมายการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ สมัยที่แล้วได้ผ่านสภาฯ และบังคับใช้แล้ว ในช่วงเวลานั้น ตนได้เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ให้มีบทบัญญัติเพิ่มคำว่า “คุกคามทางเพศ” ซึ่งคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาข่มขืนกระทำชำเรา ได้ศึกษาไว้
วันนี้ขอขอบคุณสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเห็นด้วยที่จะผลักดันเรื่องความปลอดภัยที่ไม่เพียงแต่เฉพาะสุภาพสตรี แต่เป็นความปลอดภัยของสังคม เราจะมาผลักดันในเรื่องนี้
สาระสำคัญมี 3 ประเด็น คือ 1.การแก้ไขบทนิยามของคำว่า กระทำชำเรา ในอดีตครอบคลุมเฉพาะเพศหญิง แต่เราเห็นว่าสังคมเปลี่ยนไป ปัจจุบันเด็กเยาวชน ที่เป็นผู้ชาย ก็ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน กระทำชำเรา จึงเสนอแก้ไขบทนิยาม การกระทำชำเรา ให้ครอบคลุมกับทุกเพศทุกกลุ่มมากขึ้น
2.คำว่า คุกคามทางเพศ ในอดีตไม่ได้นิยามไว้ หากเหยื่อถูกติดตาม รู้สึกไม่ปลอดภัยทางเพศ บางครั้งไม่ต้องถึงขั้นโดนเนื้อโดนตัว เหยื่อต้องรอจนกว่าเป็นผู้เสียหาย ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถูกฆ่าข่มขืน ถึงจะเอาผิดได้
จึงเสนอคำว่า คุกคามทางเพศ เป็นบทนิยาม เป็นกฎหมายอาญามีโทษทางอาญา โดยในคำว่าคุกคามทางเพศ ได้พิจารณาศึกษาเปรียบเทียบกับส่วนบทบัญญัติของก.พ., พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน มาตรการของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เพื่อให้สอดคล้องกับสังคมไทยมากขึ้น
“เราไม่ต้องรอให้เกิดเหตุ จึงจะเอาผิดได้ บางครั้งการทำผิดที่ไม่ได้โดนเนื้อโดนตัว อาจเข้าข่ายสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจ ซึ่งเป็นลหุโทษ สามารถยอมความกันได้”
3.บทลงโทษของคุกคามทางเพศ เดิมเป็นลหุโทษ และยอมความกันได้ หากเรานิยามคำว่า คุกคามทางเพศ และกำหนดบทลงโทษในประมวลกฎหมายอาญาให้เป็นบทลงโทษทางอาญา ก็จะช่วยปิดช่องว่างทางกฎหมายได้มากขึ้น สร้างสังคมให้ปลอดภัยได้มากขึ้น และจะเป็นอีกกลไกหนึ่งที่ช่วยสังคมให้ปลอดภัย