ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา วิเคราะห์สถานการณ์ของรัฐบาล โดยการนำของพรรคเพื่อไทย (พท.) ในปี 2567 จะเจอปมร้อน หรืออุปสรรคด้านใดบ้าง

ปี 2567 คิดว่ารัฐบาลจะบริหารบ้านเมืองได้ราบรื่น หรือยังต้องเจอกับงานหิน เพราะอะไร ?

ต้นปี 2567 จะอยู่ในภาวะหวาดระแวงกันค่อนข้างสูงโดยเฉพาะในพรรคร่วมรัฐบาล

มีเรื่องใหญ่ 2 เรื่อง ที่ทำให้เกิดความหวาดระแวงกันมากขึ้น คือ การที่นายทักษิณ ชินวัตร อาจจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ

หากได้รับโอกาสนี้ จะทำให้นายทักษิณ “ฟูล พาวเวอร์” มีอำนาจเหนือรัฐ มีอิทธิพลเหนือพรรครัฐบาล รวมถึงพรรคฝ่ายค้านด้วย ถึงแม้จะกลับมาเป็นนักการเมืองไม่ได้ แต่อำนาจทุกอย่างจะกลับมาที่นายทักษิณ

ขณะเดียวกัน หากสว.หมดอายุ อาจจะมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลใหม่ที่ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน แต่อาจจะเป็นพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลร่วมมือกันสมบูรณ์แบบ

สิ่งที่ตามมาคือการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรืออาจจะลุกลามถึงการร่างรัฐธรรมนูญที่ครอบคลุมไปถึงหมวด 1 หมวด 2 ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของพรรคเพื่อไทย เพราะก่อนจัดตั้งรัฐบาล เคยยอมรับว่าเห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ และแก้มาตรา 112 ผ่านสภา แต่กลับลำตอนหลังตอนตั้งรัฐบาลจึงมีโอกาสเป็นไปได้

โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยอมรับเองว่าพรรคก้าวไกลไม่มีทางบรรลุเป้าหมายได้ถ้าไม่ร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย รวมถึงยอมรับว่ามีการพูดคุยกับนายทักษิณจริง หากสังเกตท่าทีของพรรคฝ่ายค้านในรอบ 3-4 เดือนที่ผ่านมาแทบจะไม่ตรวจสอบรัฐบาล จึงทำให้เห็นว่ามีโอกาสไปในทางนั้นได้

ถ้ากลุ่มอำนาจเก่าที่ให้โอกาสนายทักษิณกลับมา เพราะที่ผ่านมาแพ้หมดรูปในการสู้กับพรรคก้าวไกล จึงจำเป็นต้องคลานเข่าไปขอร้องนายทักษิณมาช่วย ทำให้นายทักษิณได้อาณัติพิเศษในการต่อรองให้พรรคเพื่อไทยอยู่เป็นรัฐบาล เกิดไม่ไว้ใจขึ้นมานายทักษิณจะไม่มีโอกาสออกจากคุก

เชื่อว่า ก่อนที่สว.จะหมดวาระวันที่ 11 พ.ค.2567 จะต้องเปลี่ยนรัฐบาล เนื่องจากอยู่ในภาวะระแวดระวังกันเอง ระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าและพรรคก้าวไกล หากพูดง่ายๆ คือใครหักหลังก่อนคนนั้นชนะ

เกมนี้คือเกมหักหลังที่ต่อเนื่องมาจากการตั้งรัฐบาล ที่พรรคเพื่อไทยหักหลัง ตระบัดสัตย์ กับพรรคก้าวไกล

หากนายทักษิณออกจากคุกเมื่อไหร่ พร้อมที่จะหักหลังอำนาจเก่า เพราะไม่มีใครทำอะไรได้ ถ้ายิ่งออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสำเร็จ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้กลับบ้านทุกอย่างจะจบ

หากขั้วอำนาจเก่ารู้ว่านายทักษิณจะหักหลังก็ต้องชิงหักหลังก่อน โดยจะต้องล้ม พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่จะใช้ในการทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต แจกให้ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไปตามนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้มีการตั้งรัฐบาลใหม่ โดยยืมมือสว. และสส.ของพรรคประชาธิปัตย์

ขณะที่พรรคเพื่อไทยบางส่วนที่ต้องการอำนาจอาจจะย้ายพรรคไปสนับสนุน เพื่อประคับประคองอำนาจของอนุรักษนิยม

ส่วนผมมองว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จะกลับมาจับมือกัน โดยทฤษฎีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล พยายามพูดคือการปฏิวัติชนชั้นที่หลีกหนีไม่ได้ นายทักษิณมีปัญหากับใครเราก็รู้ ถึงกลับมาได้แต่ยังอยู่เงื่อนไขเดิมโอกาสที่จะถูกกระทำซ้ำก็มี จึงมีโอกาสที่จะจับมือพรรคก้าวไกลเพื่อหักทีเดียวเพื่อทำลายศัตรูให้หมดไปบนหน้ากระดานอำนาจ ก้าวไกลรู้ว่าหากจะเปลี่ยนโครงสร้างสังคมต้องจับมือกับนายทักษิณ จึงทำให้พรรคก้าวไกลต้องสร้างมิตรไมตรีกับพรรคเพื่อไทย โดยการไม่ตรวจสอบ ไม่แตะนายทักษิณ รวมถึงเป็นฝ่ายค้านแบบพอเป็นพิธี เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเห็นคุณค่า

กรณีไหนเป็นเผือกร้อน น่าห่วงที่สุด ?

เรื่องที่น่าห่วงที่สุด คือกลุ่มอำนาจเก่าหักหลังพรรคเพื่อไทยก่อน ซึ่งจะทำให้การเมืองปั่นปวน ความขัดแย้งจะรุนแรงขึ้น หากพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่จะใช้ในการทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตไม่ผ่าน รัฐบาลต้องรับผิดชอบจนอาจจะถึงขั้นตั้งรัฐบาลใหม่ ในขณะที่สว.ยังอยู่ ก็จะเข้าทางของอำนาจเก่า ขึ้นอยู่กับว่าใครจะชิงหักหลังใครก่อน

ถ้าหลังเดือนพ.ค.2567 ฝ่ายอำนาจเก่ายังไม่ทำ แรงกดดันจะตกไปที่พรรคร่วมรัฐบาล

หากพรรคเพื่อไทยปรับครม.จับพรรคภูมิใจไทยออก แล้วไปดึงพรรคก้าวไกล รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาด้วย ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปในรูปแบบหนึ่ง เราอาจจะเห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แก้หมวด 1 หมวด 2 รวมถึงยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ประเด็นที่คิดว่าไม่น่าห่วงเลยมีอะไรบ้าง เพราะอะไร ?

ประเด็นที่ไม่น่าเป็นห่วงคือเรื่องศึกซักฟอก ผมไม่ให้ราคา มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลไม่กล้าแตะ เพราะอยู่ในเงื่อนไขที่ต้องซื้อใจพรรคเพื่อไทย ถึงแตะไปมือก็ไม่พอ คงพอทำเป็นพิธี

อันที่จริงพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่ควรรีบ การรีบแบบนี้ผมเข้าใจว่าพรรคก้าวไกลรู้ว่าสังคมเริ่มจับสังเกตว่าฮั้วกัน จึงนำเรื่องนี้มาพูดเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่สังคมกำลังจับได้ไล่ทัน

เรารู้ว่าเรื่องนี้อย่างไรก็ไม่ผ่านเพราะนายทักษิณอยู่ในคุก โดยเฉพาะเรื่องการที่บอกว่านิรโทษกรรมคดีความผิดเรื่องมาตรา 112 เป็นไปไม่ได้ ถ้าจะทำเรื่องนี้จริงอย่าเล่นการเมือง รอนายทักษิณออกจากคุกก่อน อย่างนี้ทะลุแน่ เพราะถึงตอนนั้นไม่จำเป็นต้องกลัวใคร

นายทักษิณจะกลับมาบดขยี้ฝ่ายตรงข้าม ไม่เช่นนั้นฝ่ายตรงข้ามจะเล่นนายทักษิณต่อ

เรื่องซับซ้อนเลยทำให้ฝ่ายอนุรักษ์เริ่มระแวง เราเคยประเมินกันว่านายทักษิณจะออกจากคุกวันที่ 5 ธ.ค.2566 แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ออกมา

หากคนในสังคมคิดคล้ายผม นายทักษิณคงอยู่ยาว ดีไม่ดีอาจมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล นายทักษิณอาจจะไม่ได้ออกจากคุก ทำให้พรรคเพื่อไทยพยายามปฏิเสธ ไม่มีความคิดที่จะผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวมถึงการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้นายทักษิณออกมาแล้วค่อยขยับ

ขณะนี้พรรคเพื่อไทยลำบากใจกลัวว่าพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ไม่ผ่าน หลายคนเข้าใจว่าจะเปลี่ยนนายกฯ จากนายเศรษฐา มาเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งความจริงไม่ใช่จะต้องตั้งรัฐบาลใหม่โดยให้พรรคลำดับ 3 คือพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล

หากพรรคภูมิใจไทยไม่รับ จะตกไปเป็นของพรรคพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเขารอตำแหน่งนี้อยู่เหมือนกัน พล.อ.ประวิตรโกรธมาก เพราะตอนที่เลือกตั้งหวังจะเป็นนายกฯ โดยหวังว่าจะต้องตกไปถึงตัวเองและเป็นโอกาสสุดท้ายก่อนที่สว.จะหมดอายุ

หากพล.อ.ประวิตรได้เป็นนายกฯ และน้องรักเป็นองคมนตรีถือว่าลงตัวพอดี

ช่วงครึ่งแรกของรัฐบาล คิดว่าสปีดต้นเป็นอย่างไร ถ้าให้คะแนนได้เท่าไหร่

การให้คะแนนในการทำงานช่วงแรกของรัฐบาล ถ้าเป็นภาพรวม ผมให้แค่ 4.5 คือไม่ผ่าน

ในแง่ของการทำงานจากการทำงาน 3-4 เดือนที่ผ่านมา เราควรเห็นเป็นรูปธรรมรวมถึงการเปลี่ยนแปลง แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มีแต่เพียงการสื่อสารที่บอกว่าจะทำนู่นทำนี่ แต่ไม่เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีเอกภาพ เพราะมัวแต่ระแวงกัน

ทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก ทำงานสะสมคะแนนนิยมของตนเอง มากกว่าทำคะแนนสะสมนิยมของรัฐบาล ไม่มีความเป็นเอกภาพน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะมีความจำเป็นตรงที่ต้องกำจัดพรรคก้าวไกลออกจากการจัดตั้งรัฐบาล ตนมองว่านายธนาธรไม่ควรจะมาพูดเรื่องนี้ทำให้สังคมจับไต๋ได้

ส่วนคะแนนของตัวนายเศรษฐา ให้ 8 คะแนน ในเรื่องความมุ่งมั่นทุ่มเท

ผมมองว่ามีความเป็นไปได้ที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรคในปีหน้า แต่เป็นความปัญญาอ่อนของชนชั้นนำ คือไม่ชอบเขาก็ยุบเขา

ลืมไปว่าพรรคก้าวไกลเป็นเรื่องของความคิดคือยุบก็ตั้งใหม่ได้ ยิ่งตั้งยิ่งแข็งแกร่ง เพราะทำให้มวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามสู้ไม่ได้ ก็ใช้นิติสงครามในการจัดการให้หลุดพ้นออกจากสนามอำนาจ

ทำให้ก้าวไกลมีความชอบธรรมในการตั้งพรรคใหม่และได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นด้วย

ถือเป็นความผิดพลาดของชนชั้นนำที่คิดว่าจะจัดการใครก็ยุบพรรคเหมือนตอนยุบพรรคไทยรักไทย แต่ 20 ปีผ่านมาก็กลายเป็นพรรคเพื่อไทยเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เลยทำให้พรรคก้าวไกลจะแข็งแกร่งจากวิธีการที่ทำกับพรรคไทยรักไทยในอดีต

คำแนะนำสำหรับการบริหารงานของรัฐบาลและนายกฯ ในปี 2567 ?

คำแนะนำการบริหารงานของรัฐบาลในปีหน้า อันดับแรกต้องทำตามสัญญาทั้งหมดที่เคยสัญญาไว้ตอนหาเสียง

ผมเห็นด้วยและดีใจที่นายเศรษฐายับยั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่ขึ้นน้อยเกินไปที่ท่านอยากให้ขึ้น 450 บาท บัณฑิตจบใหม่ได้เงินเดือน เดือนละ 25,000 บาท และเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตต้องไปแก้ใหม่ อะไรที่พูดไว้เป็นสัจจะ เป็นสัญญาประชาคมต้องทำตามสัญญา

คนอื่นไม่ทราบ แต่ผมมองว่านายกฯ มีความทุ่มเทแต่อาจมีปัญหาด้านการสื่อสาร สไตล์การทำงาน รวมถึงบุคลิกภาพ แต่ความตั้งใจเต็มร้อย เพียงแค่ขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ให้ได้และพยายามสร้างความสื่อสารให้เห็นว่าเป็นภาพรวมของรัฐบาล และแสดงจุดยืนให้ชัด ถ้าไม่เอาก้าวไกลก็ต้องเอาให้ชัดเจน เพื่อสร้างความสบายใจกับฝั่งรัฐบาล ซึ่งสุดท้ายแล้วจะไม่ดีกับรัฐบาลเอง ถ้าชนชั้นนำไม่ไว้ใจเพื่อไทย เขาสามารถเปลี่ยนขั้วตอนไหนก็ได้

นี่คือสิ่งที่อยากให้รัฐบาลต้องประคับประคอง สร้างความไว้วางใจ เอาให้ชัด อาจจะต้องตอบโต้อย่างรุนแรงกับสิ่งที่ฝั่งพรรคก้าวไกลพูด ต้องตอบโต้บ้าง อย่าปล่อยให้คลุมเครือ เพราะตอนนี้เราไม่เห็นการตอบโต้จากฝั่งพรรค เพื่อไทย ความตรงไปตรงมาทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญ

ในเรื่องการทุจริตก็ต้องเอาจริงเอาจัง จะทำให้รัฐบาลอยู่ได้ ความนิยมจะสูงขึ้น และทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้นตามลำดับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน