“ผมไม่เชื่อว่าภัยจากข้างนอกหรือ ฝ่ายค้านจะทำให้เราสูญเสียการยอมรับ…รวมถึงประสบการณ์และฝีมือของพวกเราที่ตั้งใจทำงาน เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ครบ 4 ปีแน่”

ขึ้นเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยแลกกับต้นทุนที่สูงลิ่ว การนำรัฐนาวาเพื่อไทยเดินหน้าทำผลงาน สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาจึงเป็นเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย

ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร หลังพ้นโทษ เป็นประเด็นอ่อนไหว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เคลียร์ชัดในเรื่องดังกล่าว

รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้บรรลุเป้ารัฐบาล 4 ปี

มองการเมืองปี 2567 และงานในสภาอย่างไร

ปี 2567 การทำงานของรัฐบาลจะเข้มข้นขึ้น จะเห็นผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม รัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน สิ่งสำคัญเข้ามาช่วงรอยต่อที่งบประมาณไม่มี การจะทำโครงการให้เป็นรูปธรรมหลายเรื่องไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ และเป็นการแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างจากเดิม

ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามปูพื้นฐานเรื่องต่างๆ เพื่อเตรียมการทำงานในปีนี้ ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ เช่น แก้ไขปัญหาหนี้ หรือการพักชำระหนี้เกษตรกร รวมหนี้ของข้าราชการ เช่น บุคลากรกระทรวงสาธารณสุข หนี้ครู เป็นการปูพื้นฐานให้พวกเขาเริ่มต้นหายใจได้








Advertisement

ส่วนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นเรื่องที่สำคัญมากจริงๆ เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปัญหาอยู่ที่ความเห็นที่แตกต่าง แต่จากการลงพื้นที่ประชาชน เดือดร้อนจริงๆ ไม่ต้องรอให้รัฐบาลพูด สอบถามได้จากประชาชน เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ และคนชั้นกลางในเมืองเดือดร้อนสั่งสมมา 8-9 ปี

ขณะที่เศรษฐกิจก็มีปัญหา ทำให้ทุกอย่างเฉื่อยจึงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้เครื่องจักรทางเศรษฐกิจหมุนเวียน

หลายฝ่ายอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรือธง แต่จริงๆ ปัญหาสะสมมามาก ไม่มีอะไรเป็นเรื่องหลักอย่างเดียวโดยไม่ทำอย่างอื่น ในทางเศรษฐกิจโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรือธงได้ เพราะถ้ากระตุ้นเศรษฐกิจได้ก็คลี่คลายอย่างอื่นได้

ขณะเดียวกัน กระบวนการทำงานของพรรคเพื่อไทยทิ้งเรื่องรองไม่ได้ การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ การปรับปรุงการผลิตของเกษตรกรถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องทำควบคู่ไป เรื่องทางการเมืองและสังคม เช่น การแก้ไขปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรง ก็ต้องทำควบคู่

ไม่อยากพูดว่าดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องใหญ่สุด แต่เราก็ต้องทำให้ได้ และไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องยากลำบากที่โครงการนี้จะเริ่มใช้ได้ในปี 2567 นี้ เพียงแต่เวลาอาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง ถ้ากฎหมายชัดเจนทุกอย่างก็จะเคลื่อนพร้อมกัน

ขณะนี้ยังใช้งบประมาณไม่ได้ จะใช้ได้พ.ค. งบปี 2568 จะเข้าพร้อมกัน เมื่องบทั้งหมดออกมาก็จะเห็นการเดินหน้าโครงการต่างๆ ปี 2567 รัฐบาลคงได้ทำงานเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ผลงานเริ่มผลิดอกออกผล งบก็จะออก การทำงานจะราบรื่นขึ้นหรือไม่

ถามว่ารัฐบาลจะยากลำบากหรือไม่นั้น เท่าที่ดูความสัมพันธ์ในหมู่พรรคร่วมด้วยกันยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พวกเราผ่านความทุกข์ยากลำบากมาด้วยกัน มาเผชิญวิกฤต ความสามัคคีเป็นเรื่องสำคัญจึงจะแก้ไขปัญหาได้

ถ้าแก้วิกฤตไม่ได้ก็จะกระเทือนไปถึงทุกพรรค รวมทั้งกระเทือนทั้งประเทศ แกนนำหลักทั้งหมดคุยกันรู้เรื่อง อาจมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ไม่ใช่สาระที่ทำให้เกิดปัญหา

คิดว่าครึ่งปีแรกไม่น่าจะมีปัญหา เหตุการณ์สำคัญอยู่ที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจถ้าฝ่ายค้านจะทำ ส่วนรัฐบาลไม่มีอะไรน่ากังวลใจ

ส่วนครึ่งปีหลังที่รัฐบาลทำงานมาได้พอสมควร ต้องมาดูว่ารัฐบาลจะสร้างความนิยม ทำให้ประชาชนชื่นชอบว่าทำงานได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ตามเป้าหมายโดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมไม่ยินยอมและให้อภัย ก็ต้องดูอนาคตไป

แต่รัฐบาลตั้งใจทำงานมาก พยายามสร้างผลงาน ดังนั้นการเมืองที่จะวิกฤตอย่างรุนแรงไม่น่าจะเกิด

เตรียมพร้อมรับมือศึกซักฟอกให้นายกฯ มือใหม่อย่างไร

ท่านนายกฯ ไม่กังวล ตั้งแต่การตอบกระทู้ท่านบอกตลอดว่าไม่กังวล เพราะทำอะไรตรงไปตรงมา และเพิ่งเริ่มทำงานไปได้ไม่มาก ยังไม่ได้มีความเสียหายอะไร มีเพียงยังทำไม่ได้เพราะงบไม่มี

ดังนั้น ถ้าจะเปิดอภิปรายไม่ไว้ใจจริงๆ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเอาข้อเท็จจริงมาตอบ ก็จะเป็นกระบวนการการใช้โวหาร จุดประเด็นเล็กๆ น้อยๆ มาอภิปรายทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล คิดว่าประชาชนเข้าใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะทำแบบนั้น

ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องเตรียมหรือตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯ งวดนี้สบายกว่าทุกครั้ง เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด ไม่กังวล ไม่มีอะไรอำพราง ก็จบ

เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะคืบหน้าแค่ไหน

จะเกี่ยวข้องกับการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ ได้จัดคนกลาง 2 ชุด ชุดหนึ่งไปรับฟังความเห็นชุดหนึ่งไปศึกษา ระมัดระวังไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าพรรคเพื่อไทยไปครอบงำ หรือเอาคนของตัวเองมาผลักดัน

รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องทำให้จบภายในยุคสมัยที่เราเป็นรัฐบาล ต้องทำให้ผ่านให้ได้ เป็นประชาธิปไตยมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนจะได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการประสานความหลากหลายของคนในสังคม และขึ้นอยู่กับความเป็นจริง

หากมัวแต่ว่ากัน ตั้งป้อมว่าอยู่คนละฝ่ายและขัดแย้งกัน โอกาสจะทำให้รัฐธรรมนูญประสบความสำเร็จจะมีปัญหา ยิ่งถ้าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เอาความต้องการของเราเพียงฝ่ายเดียว ตอบสนองความคิดที่หลากหลายของสังคมไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์

แต่เชื่อว่าในทางความคิดความเห็นคงมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดร้อนแรง เพราะทุกคนอยากพิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง ไม่เป็นไรแต่พิสูจน์แล้วต้องมีข้อสรุปที่ยอมรับกันได้ ซึ่งเราเปิดเวทีแล้วให้สภาเป็นผู้ตัดสิน กำลังดูว่าต้องแก้มาตรา 256 ก่อนหรือไม่ แก้ไขวิธีการแก้รัฐธรรมนูญก่อนหรือเปล่า

หรือต้องยอมเสียค่าใช้จ่ายเพื่อทำประชามติ 3 ครั้ง ถ้าเซฟไม่ได้แล้วต้องเสียเงินเพิ่มอีก 3,000 กว่าล้านบาทก็จำเป็น เพื่อให้เป็นหนทางรอดที่ดีที่สุด ไม่ให้เสียเปล่า

ส่วนตัวมองว่าเรื่องสำคัญคือการแก้เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เป็นกรอบบังคับการทำงานของรัฐบาลอยู่ หรือกฎกติกาที่ไม่ทำให้เกิดการถ่วงดุล

กรณีร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม

เมื่อดูจากความคิดเห็นต่างๆ และผลโพลในส่วนของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล กว่า 70% ก็ไม่เห็นด้วย การนิรโทษกรรมทางการเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่ ทำได้ ที่ผ่านมาคณะบุคคลที่ทำการรัฐประหารทุกครั้งก็นิรโทษกรรมตัวเอง

การนิรโทษกรรมให้ประชาชนไม่ได้ใช้มากครั้งนัก มีเพียงปี 2523 นิรโทษกรรมครั้งใหญ่ ครั้งนี้เชื่อว่าฉันทามติของสังคมคงอยากให้มีการนิรโทษกรรมเพื่อเริ่มต้นใหม่ แต่การนิรโทษกรรมต้องทำให้เกิดความสุกงอมให้เต็มที่ของคนในสังคม ถึงจะไม่มีปัญหา

ดังนั้น หากไม่มีเรื่องมาตรา 112 เชื่อว่าจะเป็นฉันทามติร่วมกัน แต่พอมีเรื่องกระทบสถาบันก็ยังมีความเห็นต่างอยู่ ต้องพูดกันให้เข้าใจว่าอะไรทำได้แค่ไหน อย่างไร ไม่อย่างนั้นจะเกิดความขัดแย้งรอบใหม่

การนิรโทษกรรมต้องเป็นเครื่องมือทำให้ความขัดแย้งลุล่วงถ้าทำแล้วความเห็นพ้องกันไม่ยุติก็จะกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ ตอนที่พรรคก้าวไกลประกาศตัวจะเป็นรัฐบาลก็มีปัญหาเรื่องนี้ แล้วจะฝืนไปทำไม

สว.หมดวาระ พ.ค.67 มองกันว่าเพื่อไทยจะมีอำนาจต่อรองทางการเมืองมากขึ้น

หากคิดในมุมอำนาจก็คิดแบบนั้นได้ แต่พรรคเพื่อไทยจะมีพลังถ้าทำตามนโยบาย ทำให้ประชาชนยอมรับและชื่นชอบก็จะมีพลังอำนาจมากกว่าใคร ส่วนการทำงานทุกกระทรวงต่างประสานการทำงานร่วมกันได้ดี อาจมีข้อขัดข้องบ้างแต่ทำความเข้าใจได้ เชื่อว่า 314 เสียงมั่นคง ทำงานได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร

มีอย่างเดียวเราจะฝ่าฟันอุปสรรค เอาชนะวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตประเทศได้แค่ไหน ซึ่งสำคัญกว่าการแสวงหาอำนาจ

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่จะพ้นโทษช่วงก.พ.67 ถูกมองจะเข้ามามีบทบาททั้งกับรัฐบาลและเพื่อไทย

ท่านพูดชัดเจนหลายครั้งแล้วว่าท่านอายุมากแล้ว อยากใช้ชีวิตอย่างสงบกับครอบครัวและลูกหลาน แต่ท่านเป็นบุคคลที่มีทรัพยากร มีหลักความคิด มีประสบการณ์ค่อนข้างมาก เป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่พรรคเพื่อไทยให้การยอมรับ

ดังนั้น กระบวนการที่คนสนิทกัน รู้จักกัน คุยกัน สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ให้กันได้ และไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรคอื่นๆ นักวิชาการ สื่อมวลชนก็มาแลกเปลี่ยนได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

เชื่อว่าท่านไม่ได้ดิ้นรนไปทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับพรรค แต่ถ้ามีคนหารือก็เป็นเรื่องธรรมดา ท่านเป็นผู้ใหญ่มีหลานที่กำลังอยู่ในวัยน่ารักคงไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น น่าจะเพลินกับการดูแลบ่มเพาะลูกหลานให้มากขึ้น ไม่พ้นปุถุชนธรรมดาที่จะจบอยู่กับลูกหลาน เชื่อว่าท่านไม่คิดจะเข้ามาแทรกแซงอะไร

ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ทำหน้าที่ของท่าน พรรคเพื่อไทยวางยุทธศาสตร์ทำการเมืองไว้ 3 ขา คือ พรรค สภา และฝ่ายรัฐบาล 3 ส่วนนี้ต้องทำงานเกื้อหนุนกัน

ในส่วนรัฐบาลมีท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เป็นตัวนำในครม. ในสภามี สส. มีประธานวิปรัฐบาลขับเคลื่อน พรรคมีผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในสภาพอสมควร ส่วนพรรคการเมืองก็มี น.ส.แพทองธาร และมีคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาอยู่ในพรรค

บทบาทที่โดดเด่นของน.ส.แพทองธาร หลายฝ่ายมองว่ามีโอกาสเป็นนายกฯ ต่อจากนายเศรษฐา

เป็นความเชื่อที่อยู่บนฐานความเป็นจริงอยู่แล้ว เพราะท่านเป็นหัวหน้าพรรค ถ้าเราเป็นเสียงข้างมากในสภาในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป หัวหน้าพรรคก็มีโอกาสเป็นนายกฯ

ส่วนจะเป็นหรือไม่เป็นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความเชื่อนี้ไม่ได้ไกลไปจากความเป็นจริง บทบาทของน.ส.แพทองธาร ที่ดีมาก อย่างหนึ่งคือเป็นคนมีความเด็ดขาด แต่ก็มีความละมุนละไมในการเชื่อมโยง

สามารถเชื่อมโยงคนที่มีประสบการณ์ที่อยู่กับพรรคมานานอย่างพวกผม กับคนรุ่นใหม่ที่มีไฟ มีความปรารถนาในการทำงานมากเข้าด้วยกัน

เป็นคนรุ่นใหม่ มีประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตัดสินใจเด็ดขาดแต่รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น เป็นลักษณะบุคลิกภาพของผู้ที่มีความเป็นผู้นำ ไม่แปลกถ้าจะบอกจะเป็นนายกฯ ได้

รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่

เชื่อว่าอยู่ครบเทอม เพราะเรามาในยามที่ประชาชนมี ความคาดหวัง และรัฐบาลมีความตั้งใจ เราเอาความคาดหวังของประชาชนตั้งไว้และพยายามทำให้บรรลุให้ได้ ขณะที่ความเป็นเอกภาพของรัฐบาลไม่ได้เป็นปัญหาหนักเหมือนในอดีต

เรามีหมุดหมายสำคัญคือการทำรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 4 ปี พร้อมกฎหมายเลือกตั้ง นี่คือทิศทางของเราถ้าจะมีอะไรพลาดก็พลาดเพราะตัวเราเอง ผมไม่เชื่อว่าภัยจากข้างนอกหรือฝ่ายค้านจะทำให้เราสูญเสียการยอมรับ

โดยกระบวนการเหล่านี้ รวมถึงประสบการณ์และฝีมือ ของพวกเราที่ตั้งใจทำงาน เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ครบ 4 ปีแน่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน