นายกฯ เผย ยกหูด่วนบ่ายนี้ คุย ‘ฮุน มาแนต’ ร่วมมือแก้ไฟป่า-หมอกควัน ก่อนเยือนไทย 7 ก.พ.นี้ แนะ โยก ฮ.ฝนหลวงเพิ่มที่เชียงใหม่

เมื่อเวลา 11.25 น. วันที่ 11 ม.ค. 2567 ที่จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เยี่ยมชมจุดจอดอากาศยานกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกองบิน 41 ติดตามปฏิบัติการฝนหลวง แก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 โดยนายกฯ สอบถามด้วยความสนใจ รวมถึงขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เสียสละในการทำงาน

โดยนายกฯ ได้ขึ้นไปเยี่ยมชมระบบการทำงานและความพร้อมของเฮลิคอปเตอร์ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ก่อนที่นายกฯ จะเดินลงมาพูดคุยกับนักบินผู้บังคับอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ โดยนายกฯ สอบถามว่า เรามีเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติการกี่ลำ เจ้าหน้าที่ฯ ตอบกลับว่า ที่จ.เชียงใหม่ มี 1 ลำ ที่เหลืออยู่ที่ จ.ปทุมธานี และจังหวัดอื่นๆ

ทั้งนี้ นายกฯ ให้ข้อแนะนำว่า ตนไม่ได้สั่งการแต่ขอแนะนำว่า สถานการณ์ไฟป่าที่จ.เชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่ภาคเหนือและพื้นที่ภาคอีสานค่อนข้างเกิดขึ้นเยอะ ควรโยกเครื่องบินมาที่นี่มากขึ้นหรือไม่ ก็ขอฝากพิจารณาไม่ได้เป็นคำสั่ง เพราะท่านมีข้อมูลและรู้มากกว่าตน

จากนั้นเวลา 12.00 น นายเศรษฐา พร้อมคณะ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจุดความร้อนพื้นที่ภาคเหนือ และการทำแนวกันไฟ ที่ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมที่บ้านภาคเหนือ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่

โดยมีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานป้องกันไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ปี 2567 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ด้วย

นายกฯ ได้สอบถามนายปกรณ์ อาภาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ (GISTDA ) ถึงความร่วมมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา เรื่องการป้องกันการเผาที่มีผลต่อหมอกควันและค่าฝุ่นละออง

หลังผู้อำนวยการ GISTDA ได้ฉายภาพดาวเทียมที่ตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลก หรือจุดฮอตสปอร์ต ในรอบ 20 ปีที่ผ่าน ซึ่งพบว่าจุดความร้อนพบในประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าประเทศไทย

โดยนายกฯ กล่าวว่า ตนจะโทรศัพท์พูดคุยกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งคอยวันที่ 7 ก.พ.ไม่ได้ เดี๋ยวบ่ายวันนี้ตนจะโทรศัพท์หาท่านเองเลย

จากนั้น นายกฯ กล่าวมอบนโยบายว่า ขอบคุณที่ทุกคนทุ่มเทและเอาใจใส่นำปัญหานี้มาเป็นปัญหาหลักที่เราจะต้องทำงานกันอย่างบูรณาการ ตนได้พูดคุยในส่วนฝั่งประเทศเรา ทุกฝ่ายทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่ในเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านไม่อยากให้เอามาเป็นเหตุผลในปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเราเป็นพี่ใหญ่ เรามีเทคโนโลยีและทรัพยากรเยอะกว่า เราต้องพูดคุยกับเขาได้

ซึ่งการลงรายละเอียดเป็นเรื่องสำคัญ ตนและกระทรวงการต่างประเทศจะไปพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันแก้ปัญหานี้ เพราะเราคือทีมไทยแลนด์ที่จะช่วยกันแก้ปัญหา ขณะที่การใช้ยุทโธปกรณ์อย่างไรก็ไม่พอ ซึ่งตนเข้าใจ ทุกกรมในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ตนคิดว่ายุทโธปกรณ์สามารถโยกย้ายไปใช้ตามความจำเป็นได้ อย่าง 3-4 เดือนข้างหน้า พื้นที่นี้จะต้องเฝ้าระวังอย่างมากก็ขอฝากให้ดูแลเรื่องการโยกย้ายยุทโธปกรณ์ด้วย ซึ่งอยู่ในความดูแลของท่านก็คงจัดการได้

แต่หากไม่ได้อยู่ในความดูแลก็สามารถปรึกษากับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ โดยผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยตนได้ให้นโยบายไปชัดเจนว่าเราต้องช่วยเหลือกัน

ทั้งนี้ ตนจะโทรศัพท์ไปพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าเรื่องนี้จะต้องช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ บางครั้งเราทำงานกันหนักมากก็อาจจะลืมเรื่องความปลอดภัย ฝากผู้บังคับบัญชาไปดูแลเรื่องความปลอดภัย และเรื่องยุทโธปกรณ์ต้องซ่อมบำรุงให้ดี ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของคนทำงานทุกคน เพราะเรื่องความปลอดภัย ชีวิตความเป็นอยู่ และชีวิตจิตใจของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องสำคัญ

“วันนี้ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตรแต่เป็นการวิ่งมาราธอน ก็ขอขอบคุณที่ตั้งเป้าหมายให้ฮอตสปอตลดลง 50% ซึ่งผ่านมา 10 วันแล้วก็ถือว่าดีขึ้นเยอะ ทั้งนี้ เราจะพยายามกันต่อไป และประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และขอบเขตงานก็ดูแลกันอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่จัดงานในวันนี้” นายเศรษฐา กล่าว

ต่อมา นายกฯ เดินชมนิทรรศการการเตรียมความพร้อมป้องกันไฟป่าและหมอกควันปี 2567 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการนำวัสดุเหลือใช้ เช่น ฟางข้าว ข้าวโพด ซึ่งเหลือใช้ทางการเกษตรมายังจุดรับซื้อ เพื่อลดการเผาไม่ให้เกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก่อนจะร่วมทำแนวกันไฟป่ากับเครือข่ายภาคประชาชน และเยี่ยมชมรถสนามเคลื่อนที่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน