หมอมิ้ง เข้าแจง กมธ.งบฯ ย้ำ เศรษฐกิจประเทศเหมือนกบต้ม อยู่ในวิกฤตซึมยาว จำเป็นต้องแก้ไข ไล่ถามประชาชน ถ้าเดือดร้อน ถือว่าวิกฤต

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 มีการพิจารณางบประมาณในส่วนของสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงด้วยตนเอง

ระหว่างการประชุม นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ในฐานะกมธ. ได้สอบถามถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยว่าอยู่ในภาวะวิกฤตหรือไม่ หลังจากที่เลขาธิการนายกฯ มักให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหลายครั้งว่า เศรษฐกิจประเทศอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโตช้า

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เศรษฐกิจขณะนี้อยู่ในภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง เหมือนกบที่ถูกต้ม หมายความว่าจะค่อยๆ ซึมยาวจนไม่รู้สึก แต่เมื่อรู้สึกตัวแล้วก็จะมีปัญหา สถานการณ์ตอนนี้ขอแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ 1.ตั้งแต่ปี 2550 ก่อนถึงเหตุการณ์แพร่ระบาดของโควิด จะพบว่าตัวเลขการส่งออกของประเทศเริ่มมีปัญหาแล้ว

2.ช่วงโควิด โดยเศรษฐกิจของไทยตกลึกที่สุดในภูมิภาคนี้ และเติบโตช้าที่สุด 3.ปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นชัดจากอัตราเงินเฟ้อที่ตกลง แต่ดอกเบี้ยยังสูงขึ้น ประเทศไทยโตแบบไม่เท่ากัน จำนวนหนี้ครัวเรือนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในรอบ 10 ปี จาก 70% ต่อจดีพีเป็น 91.6% ต่อจีดีพี แสดงว่าคนจนกำลังยากจนลงเรื่อยๆ

นพ.พรหมินทร์ กล่าวต่อว่า เวลาเอาตัวเลขภาพรวมอาจจะดูไม่ชัด แต่มีคนที่เดือดร้อน ซึ่งหากลองถามประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศแล้วจะพบว่าเดือดร้อน จึงถือว่าวิกฤต ฉะนั้น อัตราการเกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงขอตอบว่าภาวะของประเทศอยู่ในวิกฤตซึมยาว จำเป็นต้องมีมาตรการในการแก้ไข

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน