ชัยธวัช-พิธา ประสานเสียง รอดูคำร้อง เรืองไกร ยื่นกกต. ยุบก้าวไกล ย้ำเสนอแก้ 112 มีเจตนาบริสุทธิ์ เชื่อสส.151คนไม่มีใครคิดสละเรือ
เมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 31 ม.ค.2567 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ในคดี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล หาเสียงด้วยนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นการเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง และสั่งยุติการกระทำ อาจเป็นเหตุให้มีคนนำคำวินิจฉัยดังกล่าวไปเป็นสารตั้งต้น ในการยื่นยุบพรรคก้าวไกล ว่า ขณะนี้พรรครอคำวินิจฉัยโดยละเอียดอีกครั้ง แต่แน่นอนว่าไม่สามารถประมาทได้ในทางกฎหมาย
เมื่อถามว่ากังวลว่าพรรคก้าวไกลจะถูกยุบซ้ำรอยกับพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ถึงตรงนั้น ขั้นตอนต่อไปเราต้องรอเอกสารคำวินิจฉัยที่สมบูรณ์ เพื่อเตรียมรับมือในทางกฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เมื่อถามว่าในคำวิจฉัยของศาลระบุถึง สส.ของพรรค44 คน ที่ร่าวมลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น พรรคได้ประเมินและเตรียมไว้หรือไม่ ว่าอาจถูกลงโทษร้ายแรง และตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายชัยธวัชกล่าวว่า คิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น แน่นอนว่าการเมืองใดๆ หลังจากนี้ที่เกินสมควร ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลมีเจตนาที่จะยุติ และลดการนำประเด็นสถาบันมาเป็นความขัดแย้งในสังคมไทย เพื่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตย
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ข้อเสนอของ สส.พรรคก้าวไกล เสนอด้วยเจตนาเช่นนี้ เจตนาที่ไม่ทำให้มาตรา 112 กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำร้ายกันและกัน ไม่เปิดช่องให้ใครผูกขาดความจงรักภักดีไว้กับตัวเอง และอาศัยความจงรักภักดีนั้ เสาะหาผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นส่วนสำคัญ เรายืนยันว่าเราไม่ได้มีเจตนาตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
เมื่อถามถึงการที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ จะเดินทางไปคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นยุบพรรคนั้น นายชัยธวัช และนายพิธา กล่าวขึ้นพร้อมกันว่า “เดี๋ยวดูคำร้อง”
นายพิธา กล่าวยืนยันเจตนาว่า มีความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีวาระซ่อนเร้น และไม่มีความตั้งใจที่จะแยกสถาบันออกจากความมั่นคงแห่งชาติในลักษณะแบบนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้คุยกับสส.พรรคทั้ง 151 คนหรือไม่ ว่าจะมีใครสละเรือ นายพิธา กล่าวว่า “ทุกคนยิ้มหมด แสดงว่ายังอยู่ต่อ”
