สุริยะ ยันไม่เกี่ยวการบินไทยซื้อเครื่องบินใหม่ รับกังวล แต่เบรกไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ ห่วงสุวรรณภูมิลำเลียงกระเป๋ามีปัญหา ไม่ตอบโจทย์ ฮับการบินในภูมิภาค จี้เจ้าของสัมปทานเร่งแก้

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์กรณีบริษัทการบินไทย จำกัด มหาชน เตรียมจัดซื้อเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 787 ฝูงใหม่ จำนวน 47 ลำ ว่าขณะนี้การบินไทยอยู่ในระยะการฟื้นฟู ผู้บริหารแผนฟื้นฟูจึงเป็นผู้ดำเนินการ

ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคม เราไม่มีอำนาจเข้าไปทำได้ แต่เพียงสอบถามการจัดซื้อครั้งนี้มีความคุ้มค่าหรือไม่ แต่ยอมรับว่ากระทรวงคมนาคมเป็นห่วงอย่างมาก

เมื่อถามว่าภาระการจัดซื้อฝูงบินดังกล่าวจะเกี่ยวพันมาถึงรัฐบาลหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้การบินไทยล้มละลาย ซึ่งอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ รัฐบาลรวมถึงกระทรวงคมนาคมจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้เราจะอยากแสดงความคิดเห็นไปแต่อำนาจอยู่ที่เขา หากถามว่าสบายใจหรือไม่ เราก็เป็นห่วงแต่ไม่มีอำนาจตรงนั้น เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจคณะกรรมการที่ฟื้นฟูอยู่

“เห็นในโซเชียลมีเดียบอกว่าเป็นคนอนุมัติจัดซื้อเครื่องบินฝูงใหม่นี้ มันตรงกันข้ามเลย ถ้าผมมีอำนาจผมจะหยุดไว้ก่อน เพื่อดูว่าคุ้มทุนหรือไม่ แต่ผมไม่มีอำนาจ” นายสุริยะ กล่าว

เมื่อถามที่มองว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเครื่องบินใหม่ เพราะขณะนี้ยังมีเครื่องบินรุ่นแอร์บัส A380 จอดอยู่อีกหลายลำใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าว เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับการบินไทย เครื่องบินเก่าที่จอดแช่อยู่ส่วนใหญ่เป็นรุ่นแอร์บัส A380 ตอนนั้นค่าน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก เครื่องรุ่นดังกล่าวเป็นเครื่องบินลำใหญ่ทำให้ไม่คุ้มค่าในการบิน จึงต้องหยุดบินไป

สิ่งที่ควรทำตอนนั้นคือ ต้องรีบขายหรือเปลี่ยนเป็นเครื่องบินที่มีขนาดเล็กลงเหมือนที่สายการบินอื่นเขาทำ แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าดีดีคนปัจจุบันจะดำเนินการอย่างไร และถ้าจะขายตอนนี้ก็ได้เพียงเป็นชิ้นส่วนหรือเศษเหล็กแล้ว

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า กระทรวงคมนาคมต้องการทำตามนโยบายรัฐบาล ผลักดันให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ขณะนี้มีความเป็นห่วงเรื่องการบริหารจัดการกระเป๋าภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทราบปัญหาจากสายการบินต่างๆ ว่ามีความไม่สบายใจเกี่ยวกับระบบขนส่งกระเป๋าภายในสนามบิน








Advertisement

ช่วงที่ตนเป็นรมว.คมนาคมครั้งที่แล้ว ได้ให้สัมปทานการจัดการกระเป๋าแก่บริษัทการบินไท โดยไม่ต้องประมูล เพราะขณะนั้นเป็นรัฐวิสาหกิจ พร้อมกับเอกชนอีกรายหนึ่ง ตนจึงสอบถามกับดีดีการบินไทยถึงปัญหาดังกล่าว ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีปัญหา จึงจัดประชุมระหว่างสายการบิน การบินไทยกับการบินไทย เพื่อรับฟังความเห็นทั้งสองฝ่าย

ทางสายการบินต่างๆ ยืนยันว่า มีปัญหาบุคลากรไม่เพียงพอ อุปกรณ์ในการขนส่งกระเป๋าก็ไม่เพียงพอ มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงขอให้การบินไทยไปปรับปรุง หากไม่ปรับปรุงกระทรวงคมนาคมอาจมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่าถึงขั้นต้องปรับเปลี่ยนผู้ดูแลเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตามสัญญาระบุว่าหากไม่สามารถดำเนินการได้ตามข้อกำหนด ก็มีสิทธิ์จะยกเลิกสัญญาสัมปทานดังกล่าว ขณะนี้เข้าใจว่าสัมปทานดังกล่าวของการบินไทยยังเหลือระยะเวลาอีก 10 กว่าปี และตรงนี้ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นในการลงพื้นที่สุวรรณภูมิก่อนหน้านี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน