รมต.ยืนยัน ลิซ่า รับเล่นซีรีส์ดัง ลุ้นถ่ายทำเกาะสมุย-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ หวังดังนักท่องเที่ยวตามรอย

รมต.ยืนยัน ลิซ่า รับเล่นซีรีส์ดัง ลุ้นถ่ายทำเกาะสมุย-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ หวังดังนักท่องเที่ยวตามรอยในไทย เล็งหารือกระทรวงคมนาคมแตรียมรับคอนเสิร์ตนอก

วันที่ 19 ก.พ.67 น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้ยืนยันแล้วว่า ลิซ่า blackpink จะรับแสดงในซีรีส์เรื่อง The White Lotus ซีซั่น 3 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สนับสนุนให้ใช้สถานที่ถ่ายทำในเกาะสมุย ภูเก็ต และกรุงเทพฯ เมื่อหนังฉายไปแล้ว อาจสามารถสร้างความต้องการให้คนดูอยากตามรอยมาเที่ยวไทยเพิ่มได้ เหมือนเดอะบีช ที่โด่งดังมากว่า 10 ปีแล้ว ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เมื่อดูซีรีส์ก็มีการตามรอยซีรีส์มาเที่ยวเมืองไทย

ขณะที่เมื่อมีหนังเข้ามาสร้างในไทย ใช้ไทยเป็นที่ถ่ายทำ จะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในแง่การท่องเที่ยวสูงมาก รวมถึงนักแสดง และทีมงานที่เข้ามาก็พำนักในไทยหลายวัน เกิดการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายมากขึ้น ซึมซับความเป็นไทยไปในตัว การใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ สามารถสร้างงานได้ เกิดแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทางมากขึ้น เพราะสามารถเรียนรู้ได้จากมืออาชีพในสายงานภาพยนตร์อย่างแท้จริง

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศในการดึงดูดศิลปินระดับโลกเข้ามาจัดคอนเสิร์ตในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ส่วนนี้กระทรวงฯ พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสนับสนุนเรื่องที่เกี่ยวข้อง อาทิ อำนวยความสะดวกในเรื่องวีซ่าของทีมงานที่จะเข้ามา ผ่านการร่วมมือกับกต. เนื่องจากการจัดคอนเสิร์ตศิลปินดังที่ผ่านมา อาทิ โจวเจี๋ยหลุน เอ็ด ชีแรน พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นฐานแฟนคลับเข้ามาในช่วงเหล่านั้นเยอะขึ้น เพื่อดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ชื่นชอบ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้เป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ใช้จ่ายเยอะ พักโรงแรมดีๆ ทานอาหารราคาแพง ซึ่งหากทำได้อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีมากกับเศรษฐกิจในภาพรวม

“จากนี้จะมีการหารือคมนาคม เพื่อจัดระบบคมนาคมให้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะหลังคอนเสิร์ตแสดงจบแล้ว การเดินทางจะต้องมีความสะดวกมากขึ้น ซึ่งส่วนนี้อาจประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจ ช่วยบริหารจัดการการจราจรในช่วงที่มีความหนาแน่นสูง ไม่ใช่เพียงตอนมีคอนเสิร์ตเท่านั้น แต่ช่วงวันธรรมดาก็อยากให้การเจรจาไม่เป็นอุปสรรคกับการใช้ชีวิตของประชาชนด้วย”

น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า ภาพยนตร์ถือเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของไทย โดยรัฐบาลได้สนับสนุนให้กองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ผ่านแรงจูงใจด้วยการให้สิทธิพิเศษคืนเงินให้กับกองถ่ายเป็นมูลค่า 20-30% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยสิทธิประโยชน์หลักอยู่ที่ 20% เมื่อมีการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกิน 10%

อาทิ สามารถใส่ความเป็นไทยลงไปในภาพยนตร์เพิ่มเติมได้อีก อย่างใช้วันถ่ายทำในเมืองรองถึง 50% ของจำนวนวันถ่ายทำทั้งหมด จะคืนเงินเพิ่มให้ 3% ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ภาพลักษณ์ที่ดีของไทย คืนให้ 5% จ้างบุคลากรหลักของไทย คืนให้ 3%

ขณะนี้มีเพดานใช้จ่ายสูงสุดอยู่ที่ 750 ล้านบาท ซึ่งกำลังทำเรื่องเสนอรัฐบาลให้พิจารณากรณีหากมีหนังฟอร์มยักษ์เข้ามาถ่ายในไทย ใช้เงินมากกว่า 750 ล้านบาท สามารถที่จะไม่ต้องกำหนดวงเงินสูงสุดได้หรือไม่ เพื่อรองรับกองถ่ายที่จะเข้ามาใช้จ่ายจำนวนมากๆ แบบนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศสูงมากด้วย จากข้อมูลพบว่า ปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ประเทศไทยมีรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ 4,463.74 ล้านบาท ส่วนปี 2564 แม้ยังมีโควิดระบาดอยู่ แต่ก็มีผู้สร้างภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำในไทยสร้างรายได้ 5,007 ล้านบาท และปี 2565-2566 มีรายได้อยู่ประมาณ 6,000 ล้านบาท