นายกฯ ย้ำการดูแลคนไทยจากเหตุการณ์โรงงานอะลูมิเนียมระเบิดในไต้หวัน พร้อมตั้งทีมประสานงานเพื่อช่วยเหลือ เยียวยาผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างเต็มที่

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์โรงงานอะลูมิเนียมระเบิด ที่เมืองเกาสง ไต้หวัน โดยมีแรงงานชาวไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

อ่านข่าวที่นี่ : โรงงานอะลูมิเนียมไต้หวันระเบิด สลดคนงานไทยดับ 2 ศพ-บาดเจ็บอื้อ เสียหายยับ

นายกฯ เน้นย้ำให้ดูแลคนไทยที่ได้รับผลกระทบและสั่งการให้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลือ และเยียวยาอย่างเต็มที่ร่างกาย และจิตใจ รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมาย สร้างความมั่นใจให้แรงงานไทยและครอบครัวว่าจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเหมาะสม

นายชัย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ระเบิดของโรงงานผลิตแท่งอะลูมิเนียมที่เขตหูเน่ย เมืองเกาสง ไต้หวัน เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีแรงงานได้รับบาดเจ็บ 6 คน เบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานว่า ในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น เป็นแรงงานคนไทย 3 ราย

โดย 2 รายเสียชีวิตแล้ว เป็นชาย อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาจ.มหาสารคาม และชายอายุ 46 ปี ภูมิลำเนาจังหวัดชัยภูมิ ส่วนอีก 1 ราย อาการสาหัส เป็นชายอายุ 31 ปี ภูมิลำเนากรุงเทพฯ โดยแพทย์ในพื้นที่ได้ทำการผ่าตัดช่วยชีวิต ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน ได้ประสานงานให้การดูแลในเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้ว โดยสั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายแรงงาน สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา ส่วนที่ 2 สาขาเมืองเกาสง ตรวจสอบข้อมูลของแรงงานไทยที่บาดเจ็บและเสียชีวิต เยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมาย และประสานงานกับบริษัทจัดหางานเพื่อแจ้งถึงสิทธิประโยชน์แก่ญาติของแรงงานที่เสียชีวิตให้ทราบต่อไป

โดยแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์เยียวยาจากกองทุน กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทย รายละ 15,000 บาท กรณีบาดเจ็บมีการรับรองจากแพทย์ว่าทุพพลภาพ จะได้รับการสงเคราะห์ 30,000 บาท และกรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ จะสงเคราะห์ 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายจัดการศพในต่างประเทศเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท

นายชัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กองสาธารณสุขฉุกเฉินประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมการหากต้องมีการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ หรือการประสานส่งตัวกลับมารักษาต่อในประเทศไทย รวมถึงมอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจัดทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) ติดตามประเมินเยียวยาจิตใจครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน