จุลพันธ์ แจง 6 เดือนรัฐบาล มีข้อจำกัดใช้งบ ชี้ นายกฯ เดินสายต่างประเทศ มีสัญญาณบวก โว ภายใน 2 ปี ได้เห็นแน่ สึนามิการลงทุนจากต่างชาติในไทย
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการอภิปรายเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152
เวลา 10.50 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า เข้าใจว่าสมาชิกเข้าใจกันดี เรื่องข้อจำกัดของการใช้งบประมาณที่รัฐบาลเผชิญในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการใช้งบประมาณไปพลางก่อน นั่นคือพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ยังไม่ผ่านการเห็นชอบ
ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว และคาดว่าจะมีการประกาศใช้ในเร็ววัน หลังจากนั้นงบจะเป็นเครื่องมือกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลมีการใช้งบประมาณไปพลางก่อน ผ่านเงินงบประมาณ 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นงบเงินเดือน รายจ่ายประจำ การลงทุนที่มีการผูกพันมาก่อนหน้า เช่น ผูกพันในปี 66 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 67 ไม่มีการลงทุนใหม่ และไม่มีโครงการที่รัฐบาลจะสามารถอนุมัติใดๆ ที่จะเป็นการลงทุนใหม่ได้ นี่คือข้อจำกัดที่เราเผชิญมา
“ผมเป็นห่วงการอภิปรายพอสมควร เพราะมีการใช้คำพูดที่ค่อนข้างแรง เช่น มีเศรษฐีไหนจะโง่มาลงทุน ถึงแม้จะแสดงข้อห่วงใยในเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศของนายกฯ แต่นายกฯ ก็ไปแสวงหาเม็ดเงินลงทุน แสวงหาพันธมิตร ไปแสดงจุดยืนว่าประเทศไทยเปิดกลับมาสู่ตลาดโลกอีกครั้งหนึ่ง
และในฐานะที่ผมเป็นรมช.คลัง ขอเรียนว่าสิ่งที่นายกฯ ได้ดำเนินการไป ได้รับสัญญาณในทางบวกจากผู้ลงทุน เอกชน จากนานาชาติ แต่ต้องยอมรับว่ากระบวนการลงทุนในลักษณะนี้ เงินแสนล้านบาท ไม่มีใครตัดสินใจได้ในวันเดียว หลังจากให้ความสนใจแล้วก็ต้องมีการติดตาม การพูดคุยเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
ซึ่งรัฐมนตรีหลายท่านเดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงผมได้มีโอกาสติดตามนายกฯ ไปด้วย เชื่อว่าอีกไม่นานตัวเลขของการลงทุนสัญญาณจะเริ่มมามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพ และเราจะได้เห็นสึนามิของการลงทุนจากต่างชาติเกิดขึ้นในประเทศในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าแน่นอน” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีข้อห่วงใยเรื่องสายงานการบังคับบัญชาว่า ประเทศไทยมีนายกฯ แล้ว ยังมีการสั่งการผ่านท่านใดอีกหรือไม่ ตนในฐานะที่เป็น 1 ในครม. ตนสามารถพูดแทนครม.ทุกคนได้ว่า สิ่งนี้เป็นจินตนาการของท่านเอง
“ประเทศไทยมีนายกฯ 1 คน คือนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของครม. และการดำเนินการของพวกเราขึ้นตรงต่อนายกฯ ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล เป็นไปตามกลไกของครม. และกลไกกฎหมายทุกประการ” นายจุลพันธ์ กล่าว