“อภิชาติ” ซัด “ธรรมนัส” นโยบายส.ป.ก.ไม่ตรงปก พูดความจริงไม่หมด-เอื้อนายทุน

“อภิชาติ” ซัด “ธรรมนัส” ออกนโยบายส.ป.ก.ไม่ตรงปก พูดความจริงไม่หมด โกหกเกษตรกร เปลี่ยนส.ป.ก.เป็นโฉนด สุดท้ายเอื้อประโยชน์นายทุน

เมื่อเวลา 22.05 น. วันที่ 4 เม.ย.2567 นายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล อภิปรายถึงนโยบายที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลโฆษณาประกาศว่า ยกระดับสิทธิ ส.ป.ก. เป็นโฉนด เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงในที่ดินมากขึ้น ตนและพรรคก้าวไกลเห็นด้วยในหลักการ แต่เมื่อมาดูวิธีการและสิ่งที่เกิดขึ้น กลับสงสัยในการดำเนินนโยบาย หลายประเด็น คือนโยบายไม่ตรงปก

แม้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะย้ำชัดเจนว่า โฉนดที่ดินเพื่อการเกษตรนั้น ไม่ใช่โฉนดแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีไม่ต้องมากล่าวหาฝ่ายค้านว่าจะด้อยค่าโฉนดเพื่อการเกษตรของท่าน เพราะปัญหาคือรัฐมนตรีต่างหากที่เที่ยวไปโฆษณา แต่พูดไม่หมดว่า จะเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด จนทำให้พี่น้องเกษตรกรเข้าใจผิดว่า โฉนดเพื่อการเกษตร คือ โฉนด

“รัฐบาลเลือกพูดความจริงไม่หมด บอกชาวบ้านว่าจะเปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนดแล้วจะโอนได้ เอาไปค้ำประกันธนาคารได้ เข้าถึงแหล่งทุน พี่น้องประชาชนในหลายพื้นที่พอเขาได้ยินแบบนี้ เขาก็เข้าใจว่า จะเอาใบ ส.ป.ก. ไปเปลี่ยนเป็นโฉนดครุฑแดง ที่สำนักงานที่ดินได้ ชาวบ้านคิดไปแล้ว เข้าใจไปแล้ว เขาเข้าใจว่าเขากำลังจะได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่สุดท้ายก็พบว่านโยบายนี้ไม่ตรงปก”นายอภิชาติ กล่าว

“อภิชาติ” ซัด “ธรรมนัส” นโยบายส.ป.ก.ไม่ตรงปก พูดคามจริงไม่หมด-เอื้อนายทุน

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนที่รมว.เกษตรฯ บอกว่า จะเพิ่มมูลค่าของที่ดิน โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ประเมินราคาเพิ่มขึ้น ใช้สินทรัพย์ค้ำประกันได้ ก็ต้องรอดูว่าหลังจากนี้ธนาคารจะว่าอย่างไร นอกจากนั้น สิทธิ์อื่นๆ ก็เหมือนเดิม เพียงแต่เรียกชื่อใหม่เท่านั้น พอนโยบายไม่ตรงปก ไม่เป็นไปตามอย่างที่พี่น้องเกษตรกรคาดหวัง

ตนก็มีคำถามในใจมาโดยตลอดว่า ร.อ.ธรรมนัส ทำอะไรกันแน่ และเรื่องนี้กลายมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ตอนที่มีการออก ส.ป.ก. ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่าง ส.ป.ก. กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส ก็เล่นใหญ่ นั่งเฮลิคอปเตอร์ ลงพื้นที่เคลียร์ปัญหาเป็นการด่วน ทั้งที่ไม่มีกำหนดการ

สงสัยอาจจะมีคนไปกระซิบว่า เรื่องนี้ ส.ป.ก.จังหวัด เอาไม่อยู่แล้วครับนาย เพราะอีกฝ่ายหนึ่งเป็นถึง ผอ.สำนักฯ มันไม่จบ ต้องให้นายมาเคลียร์เอง และเมื่อมาถึงก็อ้างว่า กฎหมายกรมอุทยาน และยังข่มเจ้าหน้าที่อีกว่า การตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้ากระทรวง 2 กระทรวง ที่จะต้องคุยกัน และเป็นเจ้ากระทรวงที่มาจากพรรคเดียวกัน ระดับปฏิบัติการไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ พร้อมบอกหัวหน้าอุทยานเขาใหญ่ให้ลดดีกรีลงหน่อย “นี่ผมเจ้ากระทรวง”

นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า นายกฯได้เรียก รมว.เกษตรฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือ สุดท้ายรัฐมนตรีก็พยายามทำให้สังคมเข้าใจว่า ปัญหาที่เขาใหญ่ เกิดขึ้นเพราะ ส.ป.ก. กับกรมอุทยานฯ ถือแผนที่คนละฉบับกัน แนวที่ดินของสองหน่วยงานทับซ้อนกัน จึงมอบหมายให้กรมแผนที่ทหาร มาดำเนินการตรวจสอบแนวเขตที่ทับซ้อน

เรื่องดูเหมือนว่าจะจบด้วยดี แต่จริงๆแล้ว เป็นการแก้ปัญหาที่มั่ว จงใจโกหกให้สังคมเชื่อ เพื่อปกปิดปัญหาที่แท้จริง เพราะจริงๆ แล้ว ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องให้กรมแผนที่ทหารเข้ามาตรวจสอบเลย เพราะในความเป็นจริงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรู้มาแต่แรกอยู่แล้วว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นแนวเขตของอุทยานเขาใหญ่

“ตอนแรกผมก็สงสัยว่า ทำไมท่านธรรมนัสถึงพยายามดึงกรมแผนที่ทหารเข้ามาช่วย แต่ตอนหลังก็หายสงสัยเมื่อพบว่า ที่แท้เจ้ากรมแผนที่ทหารปัจจุบัน เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารของท่านรัฐมนตรีนี่เอง เลยขอให้เพื่อนมาช่วย และที่น่าสังเวชที่สุด คือท่านนายกฯเป็นถึงประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) แต่ท่านไม่รู้อะไรเลย โดนรัฐมนตรีและหน่วยงานราชการหลอกต้ม”นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า เรื่องโกหกที่สอง ร.อ.ธรรมนัสยังพยายามปัดความรับผิดชอบว่า ไม่เคยทราบเรื่องการออก ส.ป.ก. ที่มีปัญหามาก่อนเพิ่งมารับตำแหน่งและไม่มีเจ้าหน้าที่แจ้งปัญหามาก่อนเลย แต่ตนยืนยันว่าไม่จริง เพราะหลังจากที่ ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาดำรงตำแหน่ง ได้มีหนังสือแจ้งว่า ส.ป.ก. บุกรุกเขตอุทยานที่เขาใหญ่ไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง

ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งกำกับดูแล ส.ป.ก. ต้องรู้ก่อนลงพื้นที่เล่นใหญ่ไปชนกับอุทยานด้วยตัวเองขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ได้รับรายงาน ส่วนเรื่องโกหกที่สำคัญที่สุด คือ ร.อ.ธรรมนัสพูดเสียงแข็งว่า เรื่องที่เขาใหญ่เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ

แถมขู่จะลงโทษ “คนจัญไร-ข้าราชการชั่ว” เล่นใหญ่ว่าจะยึดรีสอร์ตนายทุนกลับคืนแผ่นดินให้หมด นี่คือการโบ้ยปัญหาออกจากตัว เพราะการทุจริตของเจ้าหน้าที่เป็นเพียงแค่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุเกิดจากร.อ.ธรรมนัส ที่เป็นผู้ใช้อำนาจเพื่อเอื้อให้เกิดการทุจริต ส.ป.ก. อย่างเป็นระบบ

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า พะเยาโมเดล หรือ ธรรมนัสโมเดล ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ไปทำให้สามารถเช่าที่ดิน ส.ป.ก. ทำหอพักได้ โดยไม่มีความผิด ตนไม่ได้คัดค้านการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ในที่ดินให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของพื้นที่ ถ้าพื้นที่เกษตรกลายเป็นเมืองไปแล้ว

แต่เราก็ไม่ควรจะจำกัดการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. แค่การเกษตรเดิมๆ อีกต่อไป ต้องไปแก้กฎหมาย ส.ป.ก. ก่อน เพื่อทำให้เปลี่ยนการใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน แต่สิ่งที่ ร.อ.ธรรมนัสมุบมิบทำในปี 63 ซึ่งขณะนี้เป็น รมช.เกษตรฯ คือไปออกประกาศเพื่อฟอกขาวให้กับการใช้พื้นที่ ส.ป.ก. ผิดกฎหมายเอาดื้อๆ โดยเรียกว่า ‘พะเยาโมเดล‘

นายอภิชาติ กล่าวอีกว่า ส่วนประกาศคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรรม (คปก.) เรื่อง รายการกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ก็มีปัญหาที่คำว่า ‘กิจการอื่น’ ที่น่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย ส.ป.ก. และการที่ ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงว่า ประกาศฉบับนี้ ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่นำประกาศเดิมที่ออกมาโดยไม่ถูกระเบียบ เพราะไม่ได้ผ่าน คปก. มาประกาศใหม่ให้ถูกต้องตามกระบวนการเสียก็แค่นั้น

ซึ่งเป็นการพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะประกาศฉบับเก่า ถึงจะไม่ได้ผ่าน คปก. แต่ก็กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. ไว้ไม่ขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ส.ป.ก. แต่ที่ ร.อ.ธรรมนัสทำ ไม่ใช่แค่นำประกาศเดิมมาประกาศใหม่ให้ถูกต้อง ยังแอบไปเติมรายการกิจการอื่นที่น่าจะเป็นการใช้ประโยชน์อื่นที่ไม่ใช่การสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแต่อย่างใด

นายอภิชาติ กล่าวว่า ประกาศฉบับ ‘ธรรมนัสโมเดล‘ นี้เอง ที่ไปเปิดทางให้สามารถสร้างที่พัก หอพัก ในที่ดิน ส.ป.ก.ได้ ถ้าเราเปลี่ยนจากพื้นที่พะเยา มาเป็นที่ดินในอุทยานเขาใหญ่ ด้วยระเบียบเดียวกัน จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงขึ้นแค่ไหน แต่ที่ดินทำเลสวยๆ ดีๆ ยิ่งติดป่า ติดเขา จะไปออก ส.ป.ก. ไม่ได้ง่าย หน่วยงานอื่น ต้องตรวจสอบแน่นอน แต่ถ้าอยากได้ที่ตรงนั้น ก็จะต้องหาวิธีกีดกันไม่ให้หน่วยงานอื่นรับรู้และเข้ามาตรวจสอบได้ง่าย

ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัสจึงใช้อำนาจของตนแก้ไขระเบียบให้การออก ส.ป.ก.และเมื่อมาไล่ดูรายชื่อที่ได้รับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ในพื้นที่เขาใหญ่ชุดเดียวกัน จำนวน 58 ราย จะเห็นว่ามีคนแบบไหนที่ได้รับที่ดิน ส.ป.ก. ยกตัวอย่าง เช่น โรงแรมที่ นาง ร. เรือ บริหาร ก็มีแต่ญาติๆ นามสกุลเดียวกันที่บริหารอยู่ด้วย และมีคนที่มีประวัติน่าสนใจ คือเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ระดับ พ.ต.อ. สังกัดนครบาล ชื่อย่อว่า พ.ต.อ. ส. เสือ ชาวบ้านบอกว่า คนๆ นี้มีเอี่ยวกับคดี ส.ป.ก. ในพื้นที่ด้วย

และมีลูกน้องมือดี ชื่อย่อว่า พ.ต.ต. ป.ปลา เป็นตำรวจในพื้นที่ที่พยายามจะทำให้คดี ส.ป.ก. เขาใหญ่ไม่ขยับไปถึงไหน หรือกรณีนางสาว ป. ซึ่งทำงานระดับหัวหน้าแผนกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่แห่งหนึ่ง ดูแลตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ และการที่นางสาว ป. กล้าส่งหนังสือไปร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) นั้นก็น่าละอายมาก เพราะจะเห็นได้ชัดว่า ส.ป.ก. รู้นานแล้วว่าที่ดินตรงนั้นเป็นเขตอุทยานฯ รัฐมนตรีจะไปถามเพื่อนที่กรมแผนที่ทหารทำไม

นายอภิชาติ ยังกล่าวเชื่อมโยงไปถึงขบวนการค้าที่ดิน ส.ป.ก. ที่กระทำโดย ชื่อย่อ นาย สุน ที่มีข้อสังเกตจากการถ่ายรูปกับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่นิคมสร้างตนเองลำตะคลอง คนในพื้นที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักจัดหาที่ดินหรือเป็นนายหน้าค้าที่ดิน ซึ่งไม่ใช่คนในชุมชน แต่มีบ้านเลขที่ในหมู่บ้าน และได้รับการจัดสรรที่ดินมาได้อย่างไรไม่รู้

ซึ่งคนๆ นี้ เป็นคนพาชาวบ้านไปลงทะเบียนขอ ส.ป.ก. 4-01 ด้วย หากเป็นเกษตรกรจริง ไม่มีที่ดินทำกินถูกต้องตามระเบียบคงไม่เป็นไร แต่ตนเกรงว่า จะเป็นขบวนการถือครองที่ดินโดยใช้ชาวบ้านเป็นนอมินี ตกเป็นเครื่องมือนายหน้าค้าที่ดินที่เอาชาวบ้านมาแอบอ้างหรือไม่

ทั้งหมดนี้ปฎิเสธไม่ได้ว่ามีขบวนการออก ส.ป.ก. โดยมิชอบในพื้นที่เขาใหญ่แน่นอน เพราะเต็มไปด้วยชื่อคนที่ไม่มีคุณสมบัติมารับที่ ส.ป.ก. และสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีช่องว่างทางกฎหมายที่เกิดจากการแก้ระเบียบ และออกประกาศต่างๆ ที่สำคัญที่สุด คนที่จะกล้าใช้ช่องว่างกฎหมายแบบนี้ ต้องมีอิทธิพลด้วย ถึงจะกล้าสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ จัดสรรที่ดินออกมาแบบนี้

นี่คือคำตอบว่า ทำไมรัฐมนตรีธรรมนัสถึงเล่นใหญ่ ลงพื้นที่ไปซัดหัวหน้าอุทยานฯ ด้วยตัวเองขนาดนี้ ตอนแรกก็นึกว่า โห ท่านธรรมนัส ต้องการปกป้องชาวบ้าน เกษตรกรที่ได้รับ ส.ป.ก. แต่สุดท้ายที่เล่นใหญ่ คือลงไปปกป้องขบวนการออก ส.ป.ก. โดยมิชอบ ใช่หรือไม่”นายอภิชาติ กล่าว