ชั่วโมงเดียวขายเกลี้ยง 10 ตัน “ยิ่งลักษณ์” ขนข้าวหอมมะลิที่ซื้อจากชาวนามาขาย 5 ก.ก. 100 บาท เผยไม่หวั่นถูกกล่าวหาสร้างภาพ เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เปรยมาตรการรัฐบาลเหมือนโครงการจำนำข้าว มุ่งช่วยชาวนา “บิ๊กตู่”เรียกประชุม “นบข.” ด่วน 7 พ.ย.นี้ หามาตรการช่วยข้าวขาว-หอมปทุม พาณิชย์-เกษตร-ธ.ก.ส.เล็งใช้แบบข้าวหอมมะลิ ตันละ 1.1 หมื่นบาท ชาวนาบุรีรัมย์ผูกคอตายอีกศพ กังวลบ่นราคาข้าวตกต่ำ-ป่วยซึมเศร้า ด้านเมีย-พี่สาวชาวนาพิจิตรที่ผูกคอตาย โต้ “ไก่อู” ยันทำนามาตลอดชีวิต เคยเป็นช่างแอร์แต่เลิกนานแล้ว เผยเครียดกลัวขายข้าวไม่พอใช้หนี้ร่วมล้านบาทเนื่องจากข้าวราคาตก กระทรวงมหาดไทยสั่งจังหวัดสอบประวัติ ข้อมูลชัดมีอาชีพทำนา มีรายได้จากทำนา 90 ไร่ ปีละ 2.5-3 แสนบาท หาเลี้ยง 5 ชีวิต “บิ๊กตู่”งัดม.44 เด้ง “ทรงพร โกมลสุรเดช” ปลัดดิจิทัลฯ เข้ากรุสำนัก นายกฯ โยกผอ.สำนักงานสถิติฯ นั่งแทน

“บิ๊กจิน”ยันมาตรการรัฐแก้ข้าวได้

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาราคาข้าวตกต่ำว่า สาเหตุอาจเกิดจากข้าวที่ออกมายัง ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีความชื้นสูง ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการแปรรูป จึงทำให้ราคาตกต่ำ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ชาวนาได้ราคาข้าวที่ดีขึ้น คือการใช้มาตรการที่ครม.เพิ่งมี มติออกมา รวมถึงเพิ่มโอกาสในการขายของชาวนา เช่น การขายออนไลน์ หรือจัดพื้นที่ให้ชาวนาขายข้าวเอง จัดเป็นตลาดนัดขายข้าวในพื้นที่ที่เหมาะสมทั้งผู้ซื้อผู้ขาย ในสถานที่ราชการ สถานศึกษา หรือหน่วยทหาร โดยไม่ต้องไปเสียค่าดำเนินการ

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ระยะต่อไปต้องให้ชาวนาเข้าใจถึงปัญหาว่าข้าวที่ผลิตต้องมีทั้งปริมาณและคุณภาพ เห็นได้จากพื้นที่ ทุ่งกุลาร้องไห้ที่มีข้าวหอมมะลิคุณภาพสูง ผลผลิตออกมามีราคาที่สูงและไม่เพียงพอกับความต้องการ ดังนั้น ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนราชการ สถานศึกษาในพื้นที่ที่มีผลงานวิจัยเกี่ยวกับข้าว รวมถึงนำวิธีการทำนาของเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จไปประกอบกันแล้วจัดอบรมชาวนา เอาความรู้ต่างๆ ไปให้เขา จัดเป็นกลุ่มขึ้นมา บอกให้เขารู้ถึงปัญหา วิธีการทำที่ถูกต้องว่าพื้นที่ใดควรปลูกข้าวชนิดใด ใช้ปุ๋ยและปริมาณน้ำอย่างไร รวมถึงวิธีการเก็บเกี่ยว เป็นการนำองค์ความรู้ไปให้เพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพข้าว ให้ขายได้ราคาดีขึ้น และดูการตลาดควบคู่กัน

“บิ๊กตู่”เรียกนบข.ถกด่วน

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกประชุมด่วนคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อวางมาตรการช่วยเหลือชาวนาอย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะราคาข้าวขาวที่จะมีผลผลิตออกมาจำนวนมากช่วงกลางเดือนนี้ พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบายรับซื้อข้าวหอมมะลิในโครงการจำนำยุ้งฉาง ราคาตันละ 1.3 หมื่นบาทของรัฐบาลด้วย

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรฯ แจ้งว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานลงพื้นที่สำรวจปริมาณผลผลิตรอบแรกอย่างละเอียดให้ตัวเลขข้อมูลที่ชัดเจน ไม่ใช่ตัวเลขประมาณการ โดยลง พื้นที่ 28 จังหวัด ทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ และจังหวัดภาคกลาง ที่เป็นแหล่งใหญ่เพาะปลูกข้าวของประเทศ

ชงจำนำข้าวขาว-หอมปทุม1.1หมื่น

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ช่วงเช้าวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เรียกประชุมด่วนที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือเตรียมมาตรการช่วยหลือชาวนาภาคกลางและภาคเหนือที่ปลูกข้าวขาวและข้าวหอมปทุม เพื่อเสนอต่อที่ประชุมนบข. ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์เรียกประชุมด่วนในวันที่ 7 พ.ย.นี้ หลังจากชาวนาทำหนังสือถึงนายกฯ ขอความช่วยเหลือ เนื่องจากขณะนี้ราคาข้าวขาวและข้าวหอมปทุมลดต่ำลงเหลือเพียง 7,600-8,000 บาทต่อตัน จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8,000-9,000 บาทต่อตัน

รายงานข่าวแจ้งว่า ผลการหารือเบื้องต้น จะใช้มาตรการจำนำยุ้งฉาง เหมือนข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว โดยใช้ราคา 90 เปอร์เซ็นต์ของราคาตลาดโดยเฉลี่ย ข้าวหอมปทุมอยู่ที่ 8,850 บาทต่อตัน หรือรับจำนำยุ้งฉางในราคา 7,965 บาทต่อตัน และข้าวขาว 7,850 บาทต่อตัน รับจำนำยุ้งฉางอยู่ที่ 7,065 บาทต่อตัน และจะได้ค่ารับฝาก 1,500 บาทต่อตัน และค่าบริหารจัดการ 2,000 บาทต่อตัน ซึ่งใช้หลักการเดียวกับการจำนำยุ้งฉางข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียว

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่ถึงวันประชุม นบข.อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะในที่ประชุมได้เปิดช่องว่างอีกทางเลือกคือ จะนำราคา 90 เปอร์เซ็นต์ของราคาข้าวขาว และขาวหอมปทุมมาเฉลี่ยรวมกันหารสอง ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 8,350 บาทต่อตัน หากกำหนดราคารับจำนำ 90 เปอร์เซ็นต์ของราคาตลาด จะได้ราคารับจำนำ 7,515 บาทต่อตัน บวกค่าบริหารจัดการ 2,000 บาท และค่าเก็บในยุ้งฉาง 1,500 บาท ชาวนาจะได้รับเงินจากโครงการนี้ 11,015 บาทต่อตัน

ไก่อูย้ำคนผูกคอตายไม่ใช่ชาวนา

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายสุพกิจ ปั้นแปลก อายุ 43 ปี ชาวบ้าน จ.พิจิตร ผูกคอตายเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ว่า ประชาสัมพันธ์จังหวัดและผู้ว่าฯ พิจิตรได้ลงไปทำความเข้าใจ พร้อมทั้งปลอบใจภรรยาและญาติของผู้เสียชีวิตแล้ว เพราะตัวผู้ตายประสบปัญหามาก ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวในพื้นที่ล้วนยืนยันตรงกันว่าตัวผู้ตายมีอาชีพหลักเป็นช่างแอร์ และก็มีอาชีพเสริมเป็นชาวนา ซึ่งย้ำว่าผู้ตายไม่ได้มีอาชีพหลักชาวนาอย่างที่สื่อบางสำนักพยายามผูกโยงประเด็นว่ามีชาวนาเสียชีวิตระหว่างที่มีปัญหาราคาข้าวตกต่ำ

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า หากครอบครัว ผู้เสียชีวิตมีอะไรขาดตกบกพร่อง ให้ประสานไปยังหน่วยงานราชการในพื้นที่ได้ทุกเมื่อ หากดำเนินการได้ก็ทำได้ทันที แต่ถ้าอะไรที่ดำเนินการไม่ได้ก็ให้รายงานมาตามสายการบังคับบัญชา ซึ่งรัฐบาลจะช่วยแก้ปัญหาให้ แต่อะไรที่สามารถทำในพื้นที่ได้ก็ดำเนินการได้เลย

ไม่ขอโต้พท.-มั่นใจแก้ตรงจุด

พล.ท.สรรเสริญกล่าวถึงกรณีมีสมาชิกพรรคเพื่อไทย วิจารณ์การแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำของรัฐบาลว่า วิจารณ์ได้ ตนไม่ขอตอบโต้ เพราะวันนี้บ้านเมืองของเราควรจะลดราวาศอกกัน ใครจะวิจารณ์อะไรก็ปล่อยไป อีกทั้งนายกฯ จะย้ำกับตนเสมอว่าให้ทำความเข้าใจและบอกกับสื่อให้ช่วยกันทำงานเพื่อยกระดับสังคมให้ดีขึ้น และนายกฯ มักสั่งการไปยังข้าราชการและเจ้าหน้าที่ รวมถึงข้าราชการการเมือง ในเรื่องการแก้ปัญหาการเกษตรและเรื่องอื่นๆ ว่าพยายามแก้ให้ตรงจุด และชี้แจงทำความเข้าใจด้วยเหตุผล เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจอย่างแท้จริง พร้อมให้ลดการตอบโต้และไม่จำเป็นต้องตอบโต้ว่าใครดีไม่ดี

พล.ท.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ดำเนินการถูกต้องตามแนวทางอย่างยั่งยืนทั้งในระยะยาวและระยะสั้น ยึดการทำงานตามนโยบายเกษตรผสมผสาน รวมทั้งในอนาคตเรื่องการปล่อยสินเชื่อข้าวหอมมะลิอีกด้วย ส่วนพรรคการเมืองจะวิจารณ์อะไรก็พยายามไม่ตอบโต้ เพราะนายกฯ อยากให้อธิบายด้วยหลักการและเหตุผลเพื่อลดความขัดแย้ง

เมียน้ำตานองยันสามีทำนาจริง

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ จ.พิจิตร นางอรนุช ชัยชาญ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร(สนง.พมจ.พิจิตร) พร้อมด้วย น.ส.กมลวรรณ กำแหง หัวหน้าศูนย์บ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดพิจิตร ได้เดินทางไปที่วัดวังสำโรง หมู่ที่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวของนายสุพกิจ ปั้นแปลก เกษตรกรชาวนา อ.บางมูลนาก ที่ผูกคอตายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 5,000 บาท ให้กับครอบครัวของนายสุพกิจ เนื่องจากมีลูก 4 คนที่ต้องรับภาระเลี้ยงดู

นางอุบล ปั้นแปลก ภรรยาของผู้เสียชีวิตเปิดเผยด้วยน้ำตานองหน้าว่า อยู่กินกับนาย สุพกิจมานานกว่า 20 ปี ครอบครัวมีรายได้จากการทำนาเป็นหลัก ที่ผ่านมาสามีเคยเป็นช่างไฟฟ้าและช่างแอร์ ซึ่งเป็นเพียงอาชีพเสริมเท่านั้น งานหลักจริงๆ ของครอบครัวนั้นคือทำนามาตลอดทั้งชีวิต ที่ผ่านมาตนและสามีทำนาทั้งหมด 90 ไร่ โดยเป็นที่นาของนายระทม พ่อสามี 55 ไร่ เช่านาทำอีก 35 ไร่ โดยทำนาเองบ้าง จ้างเขาทำบ้าง และกู้เงินจากสหกรณ์การเกษตรอำเภอบางมูลนากมาลงทุนทำนา 8 แสนกว่าบาท รวมดอกเบี้ยและเงินต้นประมาณเกือบล้านบาท ซึ่งปีนี้ก็ครบกำหนดต้องชำระเงินให้กับทางสหกรณ์

ท้าลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริง

นางอุบลกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีหนี้สินกับเงินกองทุนหมู่บ้านอีก 5 หมื่นบาท พอรู้ว่าราคาข้าวตกต่ำ สามีบอกว่าตอนนี้หนี้สินเยอะ จะอยู่กันอย่างไร เงินค่าข้าวปีนี้ตกต่ำ เราจะทำอย่างไรกับปัญหาหนี้สิน ซึ่งตนก็ให้กำลังใจให้สู้กันต่อไป ที่ผ่านมาสามีเป็นคนร่าเริง ชอบช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน ซึ่งกังวลเรื่องหนี้สินมาก

“ที่มีข่าวออกมาว่าสามีเป็นช่างแอร์ ไม่ได้เป็นชาวนานั้น ถามจริงๆ ไปเอาข่าวมาจากไหน สามีเคยทำแอร์จริง แต่เลิกทำนานแล้ว เคยลงมาดูชาวนาบ้างหรือเปล่าว่าเขาอยู่กันอย่างไร ให้มาถามคนที่วังสำโรงดูว่าสามีทำนาหรือเปล่า อย่าไปพูดแบบนั้นเพราะไม่เป็นความจริง” นางอุบลกล่าว

เผยเหตุเครียดปัญหาหนี้สิน

น.ส.สมจิตร ปั้นแปลก อายุ 45 ปี พี่สาวของนายสุพกิจ กล่าวว่าสาเหตุที่น้องชายผูกคอตายเกิดจากความเครียดเรื่องหนี้สะสม และเป็นหนี้สหกรณ์การเกษตร นอกจากนี้ ยังมีหนี้สินกับเงินกองทุนหมู่บ้านอีก พอมารู้ว่าข้าวในปีนี้ราคาตกต่ำ ขายข้าวก็ไม่พอใช้หนี้ กลัวว่าพ่อจะเดือดร้อน เพราะเป็นคนไปกู้เงินให้น้องชายมาทำนา ยืนยันว่าน้องชายเลิกเป็นช่างแอร์นานแล้ว อาชีพหลักคือทำนา การเสียชีวิตของน้องชายตนนั้นขอให้เป็นรายสุดท้ายที่ชาวนาผูกคอตายเพราะปัญหาเรื่องราคาข้าวตกต่ำ ฝากบอกรัฐบาลว่าขอให้ช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจัง

ผญบ.ยันเลิกเป็นช่างแอร์นานแล้ว

นายราชัน เขียวงาม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เผยว่า ครอบครัวของนายสุพกิจจริงๆ แล้วทำนาเป็นอาชีพหลัก ที่ข่าวลงว่าเป็นช่างแอร์นั้น เคยเป็นช่างแอร์จริง แต่เลิกมานานแล้ว และทำนามาตลอด คนที่วังสำโรงเขารู้กันทั้งนั้น ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรื่องหนี้สินของนายศุภกิจ หนี้จากสหกรณ์การเกษตรเกือบล้านบาท พอรู้ว่าปีนี้ข้าวเกวียนละไม่ถึง 6 พันบาทก็เกิดความเครียด แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะช่วยเหลือเพิ่มมาอีกก็ตาม

รายงานมท.เผยเหตุจากปมหนี้สิน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า มีการรายงานความคืบหน้าการผูกคอตายของนายสุพกิจ ปั้นแปลก ซึ่งรวบรวมโดยจังหวัดพิจิตรส่งถึงกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าเมื่อเวลา 10.00 น. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯ พิจิตร สั่งการให้นางอรนุช ชัยชาญ หัวหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมด้วยน.ส.กมลวรรณ กำแหง หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพิจิตร และผู้แทน กกล.รส.จ.พิจิตร เดินทางมาเยี่ยมนางอุบล ภรรยานายสุพกิจ ซึ่งฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอใต้ต้นไม้บริเวณนา สาเหตุการฆ่าตัวตายเกิดจากความเครียดจากภาระหนี้สินจากการกู้สหกรณ์การเกษตรบางมูลนาก จำกัด โดยการใช้ที่ดินจำนอง เป็นเงิน 800,000 บาท และหนี้สินจากการกู้ยืมเงินทุนหมู่บ้าน 50,000 บาท

ประวัติครอบครัวนายสุพกิจ ปัจจุบันมีสมาชิก 5 คน ประกอบด้วย นางอุบล อายุ 42 ปี อาชีพทำนาภรรยาผู้เสียชีวิต นายระทม ปั้นแปลก อายุ 72 ปี บิดาผู้เสียชีวิต นายเจษฎากร ปั้นแปลก อายุ 18 ปี บุตรชายผู้เสียชีวิต ศึกษาระดับชั้น ปวส.1 สาขาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคยานยนต์ กรุงเทพฯ ด.ญ.อัจฉราพร ปั้นแปลก อายุ 3 ขวบ 8 เดือน ศึกษาอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก และน.ส.นัฐธิชา ปั้นแปลก อายุ 21 ปี (บุตรติดผู้เสียชีวิตกับภรรยาคนแรก) ศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 สาขารัฐประศาสนศาสตร์ ม.ราชภัฏบ้านสมเด็จ กรุงเทพฯ

ระบุชัดอาชีพทำนาเลี้ยงครอบครัว

การประกอบอาชีพครอบครัว มีรายได้จากการทำนา 90 ไร่ (เป็นของตนเอง 55 ไร่ เช่า 35 ไร่) ได้ผลผลิตจากการทำนาเป็นข้าว 45 เกวียนต่อปี รายได้ต่อปีโดยไม่หักต้นทุน 250,000-300,000 บาท ส่วนรายจ่ายในครอบครัวประกอบด้วย ค่าเทอมให้นาย เจษฎากรปีละ 30,000 บาท ค่าเทอมให้น.ส.นัฐธิชา ปีละ 20,000 บาท ค่าใช้จ่าย ในครัวเรือน 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเดิม ผู้เสียชีวิตเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

เบื้องต้น สนง.พมจ.พิจิตรได้ให้การช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน(กรณีพิเศษ) 5,000 บาท และบ้านพักเด็กและครอบครัว มอบเงินสงเคราะห์เด็กในครอบครัวขาด แคลน 1,000 บาท ทั้งนี้ สนง.พมจ.พิจิตรจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือเงินกองทุนคุ้ม ครองเด็ก ซึ่งจะนำรายละเอียดเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนคุ้มครองเด็กต่อไป และได้ช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุในสภาวะยากลำบาก 2,000 บาท ในส่วนของหนี้สินจะประสานสหกรณ์การเกษตรบางมูลนากเพื่อขอผ่อนผันการชำระหนี้สิน ส่วนการศึกษาของบุตรทางจังหวัดจะสนับสนุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องต่อไป

ชาวนาบุรีรัมย์เครียด-ผูกคอตาย

วันเดียวกัน ตำรวจสภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีคนผูกคอเสียชีวิตที่บ้านโนนสูง หมู่ 16 ต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่แพทย์ชันสูตร ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว และพบชาวบ้านมามุงดูอยู่ด้านนอกจำนวนหนึ่ง

ภายในบ้านพบศพนายนายเสงี่ยม คุดรัมย์ อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 73 บ้านโนนสูง หมู่ 16 ต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ใช้เชือกผูกคอตัวเองติดกับขื่อห้องโถงภายในบ้าน ใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำตาล กางเกงขายาวสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นชุดที่ใส่ไปเกี่ยวข้าว ตามร่างกายไม่มีร่องรอยบาดแผล คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 3 ชั่วโมง

จากการสอบถามนายเอกรินทร์ เอกพิมมา อายุ 54 ปี เพื่อนบ้าน ผู้เห็นศพเป็นคนแรก บอกว่า นายเสงี่ยมเคยเป็นโรคเครียดมาก่อน แต่ก็ทำงานได้ตามปกติ ตอนเช้าประมาณตี 5 ได้ออกไปเกี่ยวข้าวกับนางหนูหวิน ภรรยา ตามปกติ และเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. นายเสงี่ยมได้ถือเคียวที่เกี่ยวข้าว เดินก้มหน้ากลับบ้านโดยไม่ยอมพูดกับใคร กระทั่งมาพบว่าผูกคอตายภายในบ้าน ซึ่งนายเสงี่ยมนั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและโรคประสาท รักษาตัวมานาน และเคยบ่นว่าไม่อยากเป็นภาระของที่บ้าน ตนก็ไม่นึกว่านายเสงี่ยมจะตัดสินใจแบบนี้

ญาติผู้ตายให้การว่า ส่วนสาเหตุยังไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร ผู้ตายเคยเป็นโรคเครียดมาก่อน มีเพียงก่อนหน้านี้นายเสงี่ยมได้บ่นว่าข้าวเปลือกราคาถูกมาก กระสอบหนึ่ง 70-80 กิโลกรัม เคยขายได้ 1,000 บาท ตอนนี้ขายได้แค่ 400-480 บาทเท่านั้น คาดว่าผู้ตายอาจจะเครียดที่ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ เมื่อนำไปขายได้เงินน้อย ประกอบกับโรคเครียดกำเริบ จึงตัดสินใจผูกคอตายดังกล่าว

“ปู”ขายข้าว 10 ตันหมดเกลี้ยง

เวลา 15.00 น. ที่ห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ ถนนรามอินทรา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยอดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย แกนนำพรรค อดีตส.ส. อาทิ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต รมช.สาธารณสุข นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีตส.ส.กทม. ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตส.ส.ขอนแก่น น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีตส.ส.กทม. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา นำข้าวสารที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับซื้อจากชาวนาในพื้นที่ภาคอีสานเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา มาจัดจำหน่าย รวมถึงข้าวสารที่ชาวนานำมาฝาก อดีตส.ส. พรรคเพื่อไทย ร่วมจัดจำหน่าย ในงานนี้ด้วย

โดยวันนี้มีข้าวสารมาจำหน่ายทั้งหมด 10 ตัน ในราคาก.ก.ละ 20 บาท บรรจุถุงละ 5 ก.ก. คิดเป็น 100 บาท โดยจำกัดไม่ให้ซื้อเกิน 2 ถุง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาเข้าคิวรอซื้อข้าวจำนวนมาก ตั้งแต่หน้าลานจอดรถ จนถึงหน้าทางเข้าห้างสรรพสินค้า และทันทีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาถึง ประชาชนต่างปรบมือโห่ร้องให้กำลังใจและรุมล้อมขอถ่ายรูปและซื้อข้าวสารจำนวนมาก ทั้งนี้ ข้าวขายหมดภายใน 1 ชั่วโมง

โต้สร้างภาพ-เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

จากนั้นเวลา 16.50 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า วันนี้เป็นการแสดงน้ำใจให้ชาวนารู้ว่าในสถานการณ์ที่ยากลำบาก อยากเห็นหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนตื่นตัวที่จะช่วยเหลือชาวนา ถ้าใครพร้อมและช่วยกันก็จะมีส่วนทำให้คุณภาพชีวิตชาวนาดีขึ้น ส่วนจะมีกิจกรรมขายข้าวช่วยชาวนาอีกหรือไม่นั้น ต้องรอดูผลตอบรับและความเหมาะสม แต่เบื้องต้น ขอขอบคุณชาวกทม.ที่ร่วมแสดงน้ำใจช่วยชาวนาเพราะไม่ได้ออกมาซื้อข้าวโดยคำนึงถึงราคา แต่เป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าทุกคนพร้อมให้กำลังใจชาวนาไทยทุกคน หากหลังจากนี้เห็นว่ากลไกต่างๆ ทำงานได้ดีแล้ว ตนเป็นเพียงจุดเดียวเท่านั้น ไม่ใช่จุดหลักเพราะตนไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว แต่มาทำหน้าที่ในฐานะประชาชนที่เห็นประชาชนลำบาก และแสดงความห่วงใยกัน

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวอีกว่า ส่วนที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการสร้างภาพนั้น คิดว่าทุกคนเห็นว่าเราตั้งใจทำจริง การสร้างภาพคงไม่ต้องทำเช่นนี้เพราะทุกอย่างเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อยู่แล้ว ตนเป็นอดีตนายกฯ ที่มาจากประชาชน ก็ต้องจริงใจกับประชาชน ตนต้องขอขอบคุณแฟนเพจ คนกทม. และต่างจังหวัด

ชี้มาตรการรบ.เหมือนจำนำข้าว

เมื่อถามว่ามองมาตรการช่วยเหลือชาวนาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เหมือนหรือต่างจากโครงการรับจำนำข้าวอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ภาพรวมก็คล้ายกับโครงการจำนำข้าวเพราะทั้ง 2 โครงการเพื่อช่วยเหลือชาวนาเหมือนกัน โดยไม่ได้หวังผลกำไร

เมื่อถามว่าจะไปซื้อข้าวจากโรงสีที่ร่วมโครงการรับจำนำข้าวมาขายหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม ความจริงจะรับซื้อตรงไหนก็ได้ แต่ต้องทำตามศักยภาพของตัวเองเพราะที่ออกมาทำกิจกรรมวันนี้ทำในฐานะอดีตนายกฯ ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แล้ว เพราะในอนาคตไม่ว่าสินค้าใดเดือดร้อน หากช่วยได้ก็จะช่วย

ส่วนการต่อสู้อุทธรณ์การชดใช้ค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวกว่า 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนยื่นหนังสือคัดค้านคำสั่งดังกล่าวต่อรัฐบาลแล้ว เพราะเราเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะชี้แจงอีกครั้ง

พท.อัด”บิ๊กตู่”ป้ายสีนักการเมือง

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ทีมสำนักเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ระบุนักการเมืองอย่าสร้างภาพช่วยชาวนานั้น สะท้อนถึงความใจแคบ ตอนนี้ใครๆ ก็เห็นว่าราคาข้าวตกต่ำ โดยรัฐบาลช่วยอะไรไม่ได้ ประชาชนทุกสาขาอาชีพจึงช่วยกันเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ชาวนา รวมทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ความจริง พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะยินดีที่ผู้คนในสังคมมีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อกัน ไม่ใช่มาพูดจาแขวะหรือกันท่าเหมือนกลัวใครจะเด่นกว่า แต่ควรคิดบวกว่ามีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาล ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการช่วยเหลือชาวนา มีแต่ไล่ให้ชาวนาไปทำมาหากินอย่างอื่น

ไล่ลาออก-อย่าโยนบาปรัฐบาลเก่า

ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวว่า นอกจากนี้ยังปล่อยให้ปัญหาของชาวนาบานปลาย กระทั่งข้าวหลุดจากมือชาวนา ไปอยู่ในมือของพ่อค้าคนกลางหมดแล้ว จึงมีมาตรการออกมาช่วยเหลือ ทำให้ชาวนาตัวจริงไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวอย่างเต็มที่ พอมีชาวนาเครียดจนฆ่าตัวตาย ก็ปล่อยให้ลิ่วล้ออ้างว่าผู้เสียชีวิตเป็นช่างซ่อมแอร์ ไม่ใช่ชาวนา เหมือนจะปัดความรับผิดชอบว่าไม่เกี่ยวกับการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล วันนี้รัฐบาลต้องแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและด้วยความจริงใจ อย่าใช้ลมปากแก้ปัญหาไปวันๆ ที่สำคัญควรเลิกท่องว่าเป็นความผิดของรัฐบาลเก่าได้แล้ว เพราะพล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศมานานพอสมควร หากไม่พร้อมจะดูแลทุกข์สุขของประชาชน ก็สมควรลาออกไป ไม่ใช่ตีหน้าเศร้าว่าอยากลาออก แต่เอามือกอดเก้าอี้ไว้แน่น ยิ่งกว่าตุ๊กแกเกาะข้างฝา

เผยปูไม่ยื่นรบ.ขอทุเลายึดทรัพย์

นายนพดล หลาวทอง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าหลังทำหนังสือถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้พิจารณาตั้งคณะกรรมการชุดใหม่พิจารณาการเรียกค่าเสียหายโครงการจำนำข้าวว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ตอบรับหรือส่งหนังสือใดๆ ตอบกลับมา ส่วนจะทำเรื่องขอทุเลาการยึดทรัพย์ส่งไปยังรัฐบาลอีกหรือไม่นั้น อยู่ที่การตัดสินใจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่คิดว่าคงไม่ เพราะรัฐบาลแสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ช่วยเหลือ จึงมองว่าควรพึ่งศาลปกครองจะดีกว่า ซึ่งตนได้เตรียมเรื่องยื่นหนังสือถึงศาลปกครองแล้ว ถ้าพร้อมยื่นเมื่อไร น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นผู้แจ้งให้สื่อทราบและคงจะไปยื่นหนังสือถึงศาลปกครองด้วยตนเอง

ปชป.เย้ย”ปู”ขายข้าวสร้างภาพ

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จัดกิจกรรมขายข้าวจากชาวนา ก.ก.ละ 20 บาท ที่ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ว่า สะท้อนตัวตนที่แท้จริงของน.ส. ยิ่งลักษณ์ คือการสร้างภาพ และไม่ยอมลงทุน เพราะปกติทุกฝ่ายที่เขาช่วยชาวนา เขาจะซื้อข้าวสารกลุ่มชาวนา เพื่อมากินหรือแจกจ่าย รวมทั้งช่วยให้พื้นที่กลุ่มชาวนามาขายโดย ไม่คิดค่าเช่า เพื่อให้ชาวนาขายข้าวสารแทนที่จะขายข้าวเปลือก แต่นี่เอาของที่ซื้อมาขายต่อ เท่ากับสลึงก็จะไม่ยอมเสีย ทางที่ดีน.ส. ยิ่งลักษณ์น่าจะนำชาวนากลุ่มนั้นมาและมาช่วยขาย ผลประโยชน์จะได้ตกถึงมือชาวนาโดยตรง ที่สำคัญการขายราคานี้เท่ากับทุบราคาข้าวสารของกลุ่มชาวนาเพราะที่เขาขายกันทั่วไปในราคาปกติจะสูงกว่านี้

“ทีมงานพรรคเพื่อไทยพลาดเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ตอนเอาเงินหลวงซื้อข้าวเสียหายหลายแสนล้านบาทไม่เป็นไร แต่เมื่อเอาเงินส่วนตัวซื้อ สลึงก็ไม่ยอมเสีย ถ้ามีเวลาจะปรับแผนก็รีบปรับ เพราะมันสร้างผลเสียหายต่อราคาข้าวสารของกลุ่มชาวนา ทั้งนี้ ผมได้รับโทรศัพท์จากหลายส่วนว่า นี่คือขบวนการทุบราคาข้าวสารหอมมะลิที่ใจร้ายที่สุด เพราะปกติเขาขายกันก.ก.ละ 32 บาทแต่เป็นการทุบที่ทำเป็นเหมือนช่วยชาวนา ซึ่งรัฐบาลต้องตามให้ทัน” นพ.วรงค์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน