“สว.รัชนีกร” สะอื้น ตัดพ้อ ตั้งกมธ.สอบประวัติอสส. เป็นก้อน แฉมีคนเดินบอกให้อ่านไลน์ “หมอเปรม” วอล์กเอาต์ ไม่ขอร่วมสังฆกรรม
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 5 ส.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม พิจารณาการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด
โดยเป็นการดำเนินการตั้งกมธ.ขึ้นใหม่ เพื่อทำงานต่อเนื่องจาก กมธ.ชุดเดิม ซึ่งเป็นสว.ชุดเก่า โดยตามกระบวนการต้องพิจารณาชื่อของอัยการสูงสุด (อสส.) ตามที่คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เสนอชื่อ นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ รองอัยการสูงสุด ให้ดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้ มีการเสนอชื่อ สว. เป็นกมธ. เกินกว่า 15 คน ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่ามีการเสนอรายชื่อแบบเป็นกลุ่มก้อน ทำให้ สว.พันธุ์ใหม่ และ สว.สีขาว มองว่าการเสนอเป็นชุดใหญ่นั้น จะทำให้ถูกมองว่าเป็นสภารีโมต หรือสภาใบสั่ง
อย่างไรก็ตาม มีการเสนอชื่อ รวม 34 คน ซึ่งเป็นจำนวนเกินกว่าที่กำหนด ทำให้ต้องใช้การตัดสินด้วยการออกบัตรลงคะแนน ทำให้นายบุญส่งแจ้งให้พักการประชุม 1 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการก่อนออกเสียงลงคะแนนเพื่อตัดสิน
- อ่านข่าว : เริ่มก็ป่วนแล้ว! สว. แย่งเก้าอี้ กมธ.สอบประวัติ อสส. ‘พันธุ์ใหม่’ เปิดหน้าสู้ ‘ก๊วนน้ำเงิน’
จากนั้น เวลา 17.25 น. ที่ประชุมวุฒิสภากลับมาประชุมใหม่ หลังจากพักการประชุมไป 1 ชั่วโมง โดยมีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม
โดยน.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. ลุกขึ้นอภิปรายว่า ตนเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ได้เข้ามาเป็นวาระแรก และไม่เคยลงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ในชีวิต และหวังว่าจะได้ใช้ประสบการณ์การความรู้ ความสามารถ มาใช้ก่อประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติ ด้วยการเป็นตัวแทนกลุ่มอาชีพ
การประชุมวันนี้ ตนรู้สึกผิดหวัง เศร้าใจ เสียใจ และไม่คาดคิดจะมาเจอภาพแบบนี้ บรรยากาศที่มีการเสนอชื่อเป็นแพ็ก 15 คน เป็นกลุ่มเป็นก้อน แล้วเราต้องมาโหวตกันหรือ วาระนี้เป็นวาระที่สำคัญที่สุดของการเป็นสว. คือ วาระการแต่งตั้งหรือตรวจสอบองค์กรอิสระ ทำไมเราไม่คุยกัน ทำไมต้องลงมติ หรือทำไมต้องเลือกแพ็กกันมา ซึ่งเหตุการณ์ดูคุ้น ตนยังไม่ลืม แต่ตนรู้สึกผิดหวังและเสียใจ
“เราเคยมีเผด็จการรัฐสภามาแล้ว วันนี้ทำไมเราจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เผด็จการวุฒิสภาอีกหรือ ดิฉันเป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 46 ปี ชีวิตนี้ไม่เคยคาดคิดจะเข้ามาในสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ด้วยวัยเท่านี้ แต่เมื่อมาแล้วเกิดอะไรขึ้น ท่านกำลังทำอะไรกันอยู่ ท่านทำหน้าที่เพื่อประชาชนประเทศชาติได้หรือไม่ เราต้องมาเลือกกันแบบนี้อีกหรือ แล้วอ่านไลน์หรือ จดกันอีกหรือ พอได้แล้ว
อย่าให้ประชาชนที่มองเราในวันนี้ ผิดหวังกับเรามากไปกว่านี้ หลายท่านในที่นี้มีเกียรติ ทรงสง่าราศีทำคุณงามความดีมาทั้งชีวิต อย่ามาทิ้งไว้ตรงนี้เลย ขอให้ช่วยกลับไปทบทวนในจิตใจสักนิด ขอให้ปิดไลน์ และเมื่อสักครู่มีคนเดินบอกว่าให้อ่านไลน์ด้วย พอเถอะ ดิฉันอับอายประชาชนทั้งชาติทั้งประเทศ ” น.ส.รัชนีกร กล่าวด้วยเสียงสะอื้น
น.ส.รัชนีกร กล่าวต่อว่า ขอให้ใช้วิธีการไกล่เกลี่ย และหากไกล่เกลี่ยไม่ได้ ขอให้เลือกกันเองหรือจับสลาก เพราะตนเชื่อว่ารายชื่อที่เข้ามาทั้งหมดที่กำลังจะลงมติ เขาตั้งใจมาทำงาน และเขามีศักยภาพสูง ตนไม่อยากให้เป็นก้อนเดียวกันเข้ามาทำงาน ฉะนั้น ขอเสนอวิธีการจับสลาก
ทำให้ พล.อ.เกรียงไกร ชี้แจงว่า ทุกคนก็มีความรู้สึกเหมือนสมาชิก เพราะทุกคนเข้ามาเพื่อทำหน้าที่ เพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนกัน และทุกคนมีความรู้ความสามารถ ผ่านขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องขอบคุณสมาชิกที่ช่วยกันเตือนสติ
ซึ่งการเสนอรายชื่อเป็นกมธ. ก็เห็นอยู่แล้วว่ามีการเสนอเป็นกลุ่ม 2-3 กลุ่ม และทุกคนก็เป็นไปตามกฎกติกาข้อบังคับที่เราปฏิบัติร่วมกัน ฉะนั้น ตนขออนุญาตดำเนินการตามมติต่อไป เพราะคิดว่าทุกคนที่เข้ามาก็มีความตั้งใจหมด จึงขอให้เป็นไปตามข้อบังคับคือต้องลงมติ โดยจำนวนรายชื่อมีทั้งหมด 33 คน
ทำให้กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ และกลุ่มอิสระไม่พอใจ ที่จะเลือกเป็นกลุ่มก้อนจึงมีการเสนอให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อทั้้งหมดแสดงวิสัยทัศน์ว่า เหมาะสมเป็นกมธ.หรือไม่ เพราะต้องการให้เกิดการรอมชอม เพราะหากยังดึงดันที่เสนอชื่อกมธ. 15 คน โดยไม่เปิดโอกาสให้สว.คนอื่นเลย อาจทำให้ภาพลักษณ์ของสว.ชุดนี้เป็นอย่างที่สว.สงสัย วิพากษ์วิจารณ์
ขณะที่ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.กลุ่มสีขาว อภิปรายว่า ตนสนใจในกระบวนการยุติธรรม เพราะเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมส่งผลถึงประชาชน ตนจึงลงเป็นกมธ. และอัยการถือเป็นความหวังของประชาชน แทนที่เราจะรอบคอบในการตั้งกมธ.ที่มาจากทุกส่วน แต่ต้องมาโหวตกันด้วยเสียงข้างมากลากไป แล้วจะได้ใครก็รู้ ไม่ต้องโหวตก็รู้
และกมธ. ชุดนี้ก็จะเป็นเงาของกมธ.ชุดหน้า คือ ตรวจสอบประวัติศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตนคิดว่าจะเป็นโดมิโน ถ้าวันนี้มีการโหวต กมธ.ตรวจสอบประวัติอัยการแบบนี้ การตรวจสอบประวัติศาลปกครองสูงสุดก็คงไม่ต่างกัน แล้วหลังจากออกห้องประชุมไป อะไรจะเกิดขึ้น
“ดังนั้นผมจะไม่ทรยศต่อประชาชน เพราะการเลือก กมธ. ส่งผลต่ออัยการสูงสุดแน่นอน และเมื่อไม่มีใครสนใจเสียงข้างน้อยอีกต่อไป จึงมีอย่างเดียวที่ตนจะทำได้ในขณะนี้ คือ ไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับการโหวตครั้งนี้ และคิดว่าการทำเช่นนี้ ประธานในที่ประชุมต้องตอบสังคมให้ได้ว่า ทำไปแล้วผลประโยชน์ตกกับใคร ผมจึงขอออกจากห้องประชุม และการประชุมหลังจากนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
จากนั้น นพ.เปรมศักดิ์ ได้เดินออกจากห้องประชุมทันที โดยมีสว.บางส่วนเดินตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.อ.เกรียงไกร ได้วินิจฉัยให้เดินหน้าลงมติเลือกกมธ.ให้เหลือ 15 คน โดยให้ สว.กาบัตร ว่าจะเลือกรายชื่อใดที่เสนอมา