มติเอกฉันท์ “สภา” ฉลุย ร่างกฎหมาย ประชามติ ปลดล็อกเสียงข้างมาก 2 ชั้น ใช้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ์-กาบัตรพร้อมวันเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ส.ค. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่) พ.ศ…. ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการพิจารณาในวาระ 2 และวาระ 3
นายวุฒิสาร ตันไชย ประธานกมธ.วิสามัญ รายงานว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้มี สส.แปรญัตติ 1 คน ร่างพ.ร.บ.ที่ใช้ร่างของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นร่างหลัก จำนวน 9 มาตรา กมธ.มีการแก้ไขเพิ่มเติมจำนวน 7 มาตรา และเพิ่มมาตราขึ้นใหม่จำนวน 3 มาตรา
โดยสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดให้วันออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกันกับการเลือกตั้ง สส.ในกรณีเลือกตั้งทั่วไป หรือวันเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น เนื่องจากการดำรงตำแหน่งครบวาระได้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดินในการออกเสียงประชามติพร้อมการจัดการเลือกตั้ง โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ให้ครม.และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หารือร่วมกัน
นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงวิธีการการออกเสียง กำหนดวิธีการออกเสียงให้กระทำได้โดยการใช้บัตรออกเสียง หรือการออกเสียงทางไปรษณีย์ หรือออกเสียงโดยเครื่องลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือออกเสียงทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศน์ หรือออกเสียงโดยวิธีอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ กกต.กำหนด เพื่อความสะดวกของประชาชนผู้มาใช้สิทธิ์
ส่วนเรื่องคะแนนเสียง กำหนดให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง โดยคะแนนเสียงข้างมากต้องสูงกว่าคะแนนเสียงผู้ไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องการจัดทำประชามติ
สำหรับการจัดทำและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่จะมีการออกเสียงประชามติ ต้องไม่มีลักษณะเป็นการชี้นำให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ หรือลงคะแนนออกเสียงในทางใดทางหนึ่ง
เมื่อได้ประกาศกำหนดวันออกเสียงแล้ว ให้กกต.เผยแพร่กระบวนการและขั้นตอนการออกเสียง โดยให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงรับทราบอย่างทั่วถึง และให้ กกต.จัดให้มีการแสดงความคิดเห็นโดยอิสระ และรอบด้านเท่าเทียมกัน รวมทั้งกำหนดให้เขตออกเสียง หน่วยออกเสียง เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ กกต.กำหนด
โดยที่ประชุมพิจารณาเรียงตามมาตราในวาระ 2 ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เห็นชอบกับร่างแก้ไขที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอต่อสภาฯ ได้แก่ ร่างมาตรา 3 ซึ่งแก้ไขมาตรา 10 ที่กมธ.เสียงข้างมาก กำหนดเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาการทำประชามติเป็นวันเดียวกันกับการเลือกตั้ง สส. เป็นการทั่วไป หรือการเลือกตั้งท้องถิ่นเนื่องจากครบวาระ ต้องไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน นับจากวันที่รับแจ้งจากประธานรัฐสภา
ร่างมาตรา 4 แก้ไขมาตรา 11 ซึ่งยกเลิกวรรคสองและวรรคสาม และใช้ข้อความใหม่ ที่มีสาระสำคัญคือ กรณีที่ประชาชน 5 หมื่นชื่อ จะยื่นเรื่องต่อครม.ให้พิจารณาทำประชามติ สามารถทำผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้
ส่วนมาตราที่ สส.อภิปรายถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง คือ ร่างมาตรา 6 แก้ไขมาตรา 13 ว่าด้วยเกณฑ์ออกเสียงที่เป็นข้อยุติ ซึ่งร่างพ.ร.บ.ประชามติฉบับเดิม กำหนดให้ใช้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น คือ ผู้มาออกเสียงต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ และเสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์
โดยกมธ.เสียงข้างมากแก้ไขให้ใช้เสียงข้างมากเพียงชั้นเดียว คือ เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง ซึ่งกมธ.ได้เพิ่มหลักเกณฑ์ คือ ต้องเป็นคะแนนที่สูงกว่าคะแนนที่ไม่แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ทำประชามตินั้นด้วย ซึ่งนายวุฒิสาร ชี้แจงว่า การออกมาทำประชามติถือเป็นหน้าที่ ดังนั้นจึงต้องมีช่องให้งดออกเสียง เพื่อเป็นทางออกให้กับผู้มาใช้สิทธิ์ออกสียง
ทั้งนี้ มี สส.จากพรรคภูมิใจไทย ทั้งนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย สงวนความเห็นให้เพิ่มหลักเกณฑ์ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิด้วย เพื่อเป็นเกณฑ์ที่ใช้สะท้อนเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน แต่สส.พรรคเพื่อไทย และสส.พรรคประชาชน ลุกขึ้นทักท้วง และสนับสนุนการแก้ไขตามกมธ.เสียงข้างมาก
ขณะที่ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายแสดงจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ว่า การแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เป็นต้นตอวิกฤตของปัญหา โดย 1 ทศวรรษที่ผ่านมาพบประจักษ์พยานเหตุการณ์สำคัญ คือ ยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค สั่งให้นายเศรฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และคำถามที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เผชิญ คือ กังวลว่าจะซ้ำรอยการหลุดจากตำแหน่งหรือไม่
โดยเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าการเมืองไทยไร้เสถียรภาพ บริหารประเทศไม่ต่อเนื่อง ไม่แน่นอน ซึ่งเป็นวิกฤตที่มีต้นตอจากรัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ให้เป็นจริงใน 4 ปี
หลังที่ประชุมอภิปรายในวาระ 2 เรียงตามมาตราเสร็จแล้ว ได้ลงมติในวาระ 3 เห็นชอบ 409 คะแนน ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียงไม่มี ไม่ลงคะแนน 2 คะแนน ถือว่าที่ประชุมมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงลงประชามติ ฉบับที่… พ.ศ. … พร้อมเห็นชอบข้อสังเกตของกมธ. จากนั้นจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาในลำดับต่อไป