เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่โรงกาแฟมาเจอร์นี จ.ตรัง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจกลุ่มไทยซัมมิท ผู้ยื่นจดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ร่วมประชุมเสวนา การขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจและการเมืองตรัง เพื่อรับฟังปัญหาและหาทางออกร่วมกันในเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง โดยมีนักการเมืองท้องถิ่นของจังหวัดตรังและจังหวัดใกล้เคียง อาทิ นายณิชเชฏฐ์ นิลสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ตรัง พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคเพื่อไทย นายไพฑูรย์ สรรเสริญ อดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย จ.สงขลา นายศุภวิชญ์ จงเลิศวชิรปัญญา อดีตกรรมการสภาวัฒนธรรม จ.ตรัง นอกจากนี้ยังมีตัวแทนชาวมุสลิม ข้าราชการ และอดีตสมาชิกพรรคการเมืองเข้าร่วมรับฟังด้วย ทั้งนี้ นายณิชเชฏฐ์กล่าวก่อนเริ่มการเสวนาว่าวันนี้ไม่มีการลงทะเบียนผู้ร่วมเสวนา ไม่มีการรับสมัครสมาชิกพรรค และนายธนาธรก็ยังไม่ใช่หัวหน้าพรรค สิ่งที่ทำจึงไม่ใช่การหาเสียง

นายธนาธร กล่าวว่า ถือเป็นครั้งแรกในการลงพื้นที่ต่างจังหวัด ตนคุ้นเคยกับคนใต้เป็นอย่างดี เพราะมีเพื่อนสนิทหลายคนเป็นคนใต้ โดยนายธนาธรได้ท่องบทกลอนของจิรนันท์ พิตรปรีชา กวีซีไรต์ชาวตรัง ความว่า “ตั้งแต่กูรู้ความ ถามกูได้ ว่าคนใต้แต่รุ่นปู่ สู้คนไหม เมื่อถูกข่มเหงเคยเกรงใคร ไฟก็ไฟเถอะจะดับจับด้วยมือ” จากการรับฟังปัญหาในวันนี้ พบว่ามีหลายเรื่องที่ตรงกับกรอบนโนบายของพรรค ขณะที่บางเรื่องก็ยังไม่มี หลายคนพูดว่าอยากให้มีการกระจายอำนาจ แต่อำนาจของรัฐไทยไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสิ่งนี้ ระบบเศรษฐกิจไทยถูกผูกขาดมากแค่ไหน ดังนั้น ในการผลักดันความก้าวหน้าของประเทศจึงสำคัญเท่ากับการสร้างและปกป้องประชาธิปไตย ตนอายุ 40 ปี ผ่านการรัฐประหารมา 5 ครั้ง ไม่ต้องการส่งต่อสังคมเช่นนี้ให้ลูกหลานและต้องการทวงคืนอำนาจในการกำหนดอนาคต การกระจายอำนาจ การปฏิรูปการศึกษา และการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย

นายธนาธร กล่าวต่อว่า เข้าใจดีว่าทุกคนเกลียดการทุจริต ตนเป็นนักธุรกิจ เคยประสบมาก่อน แต่การพูดถึงเรื่องนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงการเติบโตของประชาธิปไตย เพราะยิ่งมีประชาธิปไตย การทุจริตก็ยิ่งน้อยลง ดังนั้น สิ่งที่เราเสนอคือ การยืนหยัดเรื่องคนเท่ากัน ยืนหยัดในหลักการประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน ตนไม่มีทางรู้ปัญหาของทุกจังหวัด คนที่รู้ดีที่สุดและรู้วิธีแก้ปัญหาคือคนในพื้นที่ ดังนั้น พรรคจึงเสนอเรื่องการกระจายอำนาจ อะไรที่เกี่ยวกับพื้นที่ ต้องให้คนในพื้นที่ตัดสินใจ ลดอำนาจรัฐส่วนกลาง ให้อำนาจท้องถิ่นในการเก็บภาษีใหญ่ เช่น ภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ภาษีรายได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร

“มี 2 ทฤษฎี คือรัฐต้องอุดหนุน เช่น การประกันราคา อีกอย่างคือ ให้กลไกตลาดทำงาน แต่รัฐต้องสนับสนุนสวัสดิการส่วนอื่นที่เป็นพื้นฐานเพื่อให้มีตาข่ายรองรับคนที่พ่ายแพ้ ขณะนี้พรรคยังไม่ได้เลือกว่าจะทำแบบใด แต่เห็นตรงกันว่า กฎหมายที่ผูกขาดต้องถูกทำลาย อีกเรื่องที่พรรคเราเสนอ คือการเข้าถึงแหล่งทุน อนาคตต้องมีธนาคารจังหวัด ลดเลือกทำลายกลุ่มธุรกิจธนาคารที่ผูกขาดอยู่ในกรุงเทพ” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนรู้สึกเบื่อหน่ายการเมืองที่ใช้การเสียดสี จึงต้องการสร้างการเมืองแบบใหม่ที่ยอมรับความแตกต่าง ใช้การพูดคุยเพื่อหาทางออก ไม่กล่าวความเท็จ ไม่โจมตีเรื่องส่วนตัว ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นนอมินีของใคร ในหลายประเทศที่เจริญแล้ว มีคนรุ่นใหม่มาทำงานการเมือง และสามารถมีชัยชนะ สร้างการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการนำเสนอนโยบาย ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเลือกหรือไม่เลือกตนไม่เป็นไร แต่อย่าหมดหวังในการสร้างสังคมที่ดีขึ้น ก่อนที่นายธนาธรจะจบการเสวนาด้วยการอ่านแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่

ทั้งนี้ ประเด็นปัญหาที่ผู้ร่วมเสวนาส่วนใหญ่นำเสนอคือเรื่องราคาพืชผลเกษตร เช่น ราคายางและราคาปาล์ม รวมถึงการผลักดันให้ท่าอากาศจ.ตรังยกสถานะเป็นสนามบินนานาชาติ เพื่อให้เทียบเท่าจ.กระบี่และจ.ภูเก็ต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน