วันนอร์ ย้ำมาตรฐานจริยธรรมการเมืองยังจำเป็น แต่ต้องไม่สูงเกิน บอกทำอะไรไม่ได้ สส.ลาประชุม เหตุกฎหมายเปิดช่อง เผย กก.จริยธรรมเตรียมเดินหน้าสอบ
เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2567 ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงความจำเป็นที่ต้องมีมาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมืองว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความสมดุลกฎหมาย แต่กฎหมายเรื่องจริยธรรมในสังคม อาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กร ในส่วนของสส.และ สว.ก็ต้องมีมาตรฐาน ทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประชาชน ยอมรับได้
ถ้าไม่มีก็ไม่ได้เพราะจะวุ่นวาย หรือมีแล้วอ่อนเกินไปเท่ากับไม่มี ก็ไม่ดี หากมีหรือมีเข้มเกินไป ทำให้ทำหน้าที่ไม่ได้ ไม่มีความมั่นคงในการตัดสินใจ ทำให้ไม่กล้าทำอะไรเลย ก็จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ จึงคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่ความสมดุลว่า มีแล้วได้ประโยชน์กับประชาชนหรือไม่ ถ้าไม่มีแล้วประชาชนเสียประโยชน์ก็ควรต้องมี
ประธานสภาฯ กล่าวต่อว่า มาตรฐานทางจริยธรรมของแต่ละองค์กรไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ในปัจจุบันที่เป็นปัญหาถกเถียงอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 129 กำหนดว่าให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้เขียนมาตรฐานทางจริยธรรม สำหรับศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ และให้บังคับถึงคณะรัฐมนตรี(ครม.) และสมาชิกรัฐสภาด้วย กลายเป็นประเด็นว่าเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกอาชีพ
ถ้าถามว่าดีหรือไม่ เพราะบางอย่างปฏิบัติแล้วทำให้เกิดความไม่มั่นคง ทำให้ผู้นำรัฐบาลไม่สามารถตัดสินอะไรๆ ได้เพราะกลัวถูกถอดถอน และกังวลว่าจะถูกมาตรฐานทางจริยธรรมทำให้บริหารงานไม่มีความมั่นคง ทำให้คนไม่ไว้วางใจในรัฐบาลเพราะไม่มั่นใจว่าอยู่นานเท่าไหร่
“ดังนั้น ต้องมีความมั่นคงพอสมควร แต่มาตรฐานทางจริยธรรม เช่น การไม่โกง ไม่ทุจริต ไม่เอาประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม และควรระบุให้ชัดว่ามาตรฐานของแต่ละอาชีพนั้นควรอยู่ตรงไหน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานะของผู้นั้น” ประธานสภาฯกล่าว
ส่วนพฤติกรรมในอดีตของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ควรนำมาเป็นหลักเกณฑ์ในเรื่องจริยธรรมหรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดปัญหา เพราะเดิมเราไม่มีการกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมที่ชัดเจน แต่ไปตัดสินที่ศาลเลย หากยึดคำพิพากษาของศาล ถือเป็นจริยธรรมของบุคคลทั่วไป แต่สมาชิกรัฐสภาควรมีจริยธรรมระดับหนึ่ง ไม่เท่ากับคนทั่วไป การที่กำหนดมาตรฐานทางธรรมสูงเท่าผู้พิพากษา ตนคิดว่าเกินไปหน่อย ซึ่งความจริงมาตรฐานสูงเป็นเรื่องดีแต่ปฏิบัติลำบาก
“ถ้าเกินขนาดนั้น ดีหรือไม่ ต้องบอกว่าดี แต่มันปฏิบัติลำบาก เมื่อคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ไม่กล้าตัดสินใจอะไรสักอย่าง ประชาชนเสียประโยชน์แน่นอน ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีการยื่นคำร้องว่ามีสส.ลาประชุม 84 ครั้ง จากประชุม 95 ครั้ง ถือว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ประธานสภาฯกล่าวว่า พูดยากเพราะเป็นเรื่องข้อบังคับและกฎหมายที่สส.ทำได้ แต่ก็ตรวจสอบความเหมาะสมได้ และถือเป็นความรับผิดชอบ ความจริงกรณีเช่นนี้มีน้อยมาก เพราะพรรคการเมืองเข้มงวดสมาชิกในการลงมติต่างๆตลอด แต่กรณีนี้ถ้าเสนอให้ตรวจสอบ ก็ต้องนำเรื่องเข้าคณะกรรมการจริยธรรมของสภาราษฎร ซึ่งจะมีอนุกรรมการแต่ละฝ่ายพิจารณาอีกที
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังไม่มีการประชุมกรรมกรรมการจริยธรรม เนื่องจากขาดองค์ประกอบ ก่อนหน้านี้มีปัญหาว่าขาดผู้นำฝ่ายค้าน แต่ตอนนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯผู้นำฝ่ายค้านแล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องสัดส่วนตัวแทนที่สลับเปลี่ยนกันใหม่ จึงต้องมาดูสัดส่วนที่เป็นจริงและต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ซึ่งจะต้องเป็นไปตามพรรค
พรรคพลังประชารัฐถือว่าเป็นฝ่ายค้าน คาดว่าน่าจะเรียบร้อยได้ในเร็วๆนี้ เพราะมีเรื่องยื่นเข้ามารออยู่ 6-7 เรื่อง โดยจะให้ฝ่ายเลขาประธานสภาฯไปดำเนินการให้ครบ เพื่อเรียกประชุมคณะกรรมการจริยธรรม
เมื่อถามย้ำว่าคนที่เซ็นอนุญาตให้ลาได้คือประธานสภาฯ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายวันมูหะหมัดนอร์ กล่าวว่า เรื่องนี้มอบให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง เป็นผู้ดูแลเรื่องการลาของสมาชิก ทั้งนี้ ยอมรับว่าตามข้อกฎหมายเป็นเรื่องยาก เพราะกำหนดให้สมาชิกลาได้ ถ้าจำเป็น ซึ่งการลาสมาชิกก็บอกว่าจำเป็น ติดภารกิจ หรือไม่สบายก็ต้องมีเหตุผลมา แต่ความเหมาะสมอยู่ตรงไหน ตนคิดว่าประชาชนซึ่งเป็นผู้เลือกสมาชิกคงจะวัดได้
ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องดีที่มีคนสนใจการปฎิบัติหน้าที่ของ สส. และต่อไปจะเป็นประเด็นหนึ่งที่เวลาไปเลือกตั้ง ประชาชนก็จะได้เห็น จึงถือเป็นเรื่องดีที่สื่อมวลชนและประชาชนจะตรวจสอบ เพื่อให้การทำหน้าที่โปร่งใสและชัดเจน
เมื่อถามว่าจะต้องเรียกเจ้าตัวมาชี้แจงหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า การสอบถามเป็นเรื่องของอนุกรรมการที่จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม แต่เราไม่มีกฎหมายไปบังคับเหมือนศาลว่าต้องมาให้ถ้อยคำ ถ้าเจ้าตัวไม่มาให้ถ้อยคำ ก็ถือเอาตามเหตุการณ์แวดล้อม และคำร้อง ซึ่งคนที่ถูกร้องก็จะเสียเปรียบเอง