นักกฎหมาย ชี้กองทัพต้องส่งเสริมให้คนสมัครใจเป็นทหาร ไม่ใช่เปิดทางให้ใช้เงินหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร แนะเดินหน้าสร้างระบบจูงใจ

วันที่ 10 ม.ค.2568 นายสุรพงษ์ กองจันทึก อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ แสดงความคิดเห็น กรณี พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) มีแนวความคิดว่าหากใครไม่ต้องการเป็นทหารเกณฑ์ ให้จ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อนำไปสนับสนุนพลทหารแทน ว่า ชายไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องเป็นทหาร กองทัพไทยมีหน้าที่นำชายไทยทุกคนเข้าเป็นทหารตามความจำเป็น และสร้างระบบจูงใจให้ชายไทยสมัครเป็นทหาร ไม่ใช่การสร้างกระบวนการในการหลีกเลี่ยงทหารโดยใช้เงินเป็นตัวกำหนด

นายสุรพงษ์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยระบุในหน้าที่ของปวงชนชาวไทยมาตรา 50 ว่า ต้องรับราชการทหารตามที่กฎหมายบัญญัติ และมีกฎหมายพ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 7 ระบุว่า ชายที่มีสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมาย มีหน้าที่ต้องรับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน ดังนั้นกองทัพไทยจึงมีหน้าที่นำชายไทยเข้ารับราชการทหารตามที่จำเป็นตลอดมา

เพื่อให้ไม่เป็นภาระของประชาชนและงบประมาณของประเทศ กองทัพไทยก็มีการปฏิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้างกองทัพปี 2560-2569 เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างการจัดหน่วยให้มีขนาดเล็กลง ลดการใช้งบประมาณรายจ่ายของประเทศ ปรับลดอัตราทหารประจําการ โดยนํากําลังพลสํารองเข้ามาร่วมปฏิบัติการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังดํารงสภาพความพร้อมรบให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังจูงใจให้มีการสมัครใจเป็นทหารเกณฑ์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากทหารจากการสมัครใจมีคุณภาพมากกว่า และมีการหลบหนีระหว่างการฝึกน้อยกว่าทหารที่มาจากการเกณฑ์บังคับหรือจับใบดำใบแดง

โดยเห็นจากการสมัครทางออนไลน์ ซึ่งเริ่มในปี 2564 มีผู้สมัครราว 3,000 คน เพิ่มขึ้นเป็น 6,101 คนในปี 2565 ต่อมาเพิ่มเป็น 10,156 คนในปี 2566 และเพิ่มเป็น 14,135 คนในปี 2567 ล่าสุดสำหรับการเกณฑ์ทหารประจำปี 2568 ข้อมูลเมื่อ 7 มกราคม 2568 ซึ่งยังไม่สิ้นสุดการรับสมัคร มีผู้สมัครออนไลน์มากกว่าปี 2567 ถึง 1,400 คน

นายสุรพงษ์กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของผู้สมัครใจเข้ารับราชการทหาร ประกอบกับการปรับลดอัตราทหารประจำการ จะทำให้ปัญหาการบังคับเกณฑ์ทหารมีจำนวนลดลง จนอีกไม่นานจะไม่มีทหารที่ถูกบังคับอีกต่อไป เพื่อให้ถึงวันนั้นทางกองทัพต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้ โดยต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะให้มีอัตราการเพิ่มขึ้นของทหารที่สมัครใจในอัตราส่วนเท่าไร และจะสิ้นสุดไม่มีการบังคับเกณฑ์ทหารในเมื่อใด

เพื่อให้ได้ทหารกองประจำการที่มีคุณภาพประสิทธิภาพและสมัครใจอย่างแท้จริง กองทัพไทยควรส่งเสริมหรือมีการจูงใจต่างๆ ต่อการสมัครใจเข้าเป็นทหารกองประจำการที่ได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การได้รับการฝึกอาชีพ การเล่าเรียนต่อ การได้เลื่อนยศตำแหน่ง สามารถต่อเข้าเป็นนายสิบ นายร้อย และก้าวหน้าในระบบราชการ รวมถึงค่าตอบแทน ฯลฯ ตลอดจนพัฒนาทหารกองประจำการไปสู่ระบบทหารอาชีพ ซึ่งมีความยั่งยืน เชี่ยวชาญ และได้รับการพัฒนาฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ต้องสร้างความมั่นใจถึงความเป็นธรรมในระบบทหาร โดยการมีนโยบายและมาตรการที่เด็ดขาดชัดเจน ในการตรวจสอบและลงโทษทหารที่กระทำการรุนแรงและผิดกฎหมาย เนื่องจากยังมีข่าวการกระทำที่ผิดกฎหมาย การซ้อม และใช้ความรุนแรงของทหารออกมาอยู่เสมอ

นายสุรพงษ์กล่าวว่า กองทัพไทยต้องเดินหน้าสร้างระบบจูงใจ ให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายไทยได้เห็นประโยชน์และได้รับประโยชน์จากการสมัครใจเข้ามาเป็นทหาร ไม่ใช่การสร้างกระบวนการในการหลีกเลี่ยงทหารโดยใช้เงินเป็นตัวกำหนด ตามความคิดของผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน