ภูมิธรรม ย้ำ หลิว จงอี ไม่มีอธิปไตยเหนือไทย ขอให้คิดบวกบ้าง รอพูดคุยทางการ 19 ก.พ. เผยการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะทำคนเดียวไม่ได้

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 18 ก.พ.68 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการพูดคุยกับนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะของจีน ในวันที่ 19 ก.พ. หลังจีนมีข้อเสนอให้ไทยดำเนินมาตรการตัดไฟ ตัดน้ำมันและตัดอินเทอร์เน็ตต่อ ขณะที่เมียนมาร้องขอให้ยกเลิก เพราะกระทบต่อการรักษาในโรงพยาบาล ว่า เราประสานกับทางจีนมาหลายเดือนแล้ว พูดคุยตลอด

การที่ฝ่ายค้านออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การมาของนายหลิว จงอี เหมือนมาสั่งการนั้น ยืนยันไม่ใช่ ตนเข้าใจดีว่าทุกคนมีความรักชาติ หวงแหนในอธิปไตยของชาติเหมือนกัน เราทำงานมามากกว่า 2 เดือน คุยกันหลายอย่าง เพราะการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่อยู่ๆ ตัดสินใจแล้วจัดการได้ เช่นเดียวกับการซีลชายแดนที่เราจะทำคนเดียวก็ไม่ได้ ก็ต้องซีลทั้งหมด ที่เกี่ยวข้อง 3 ประเทศมีส่วนพันกันทั้งหมด การให้ 3 ประเทศร่วมมือกันแก้ปัญหาคอลเซนเตอร์เริ่มมา 2 ปีแล้ว เพียงแต่ยังไม่ตกลงรายละเอียด ก็เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันต่อไป

“เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคุยครั้งเดียวคงไม่จบ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้หนักหนาสาหัส เกิดปัญหาไปหมด ไม่เพียงประเทศเราประเทศเดียว ที่สำคัญตอนนี้ประเทศเราเกิดปัญหา ทำให้ภาพพจน์ประเทศเสียหายด้วย การพิจารณาเรื่องนี้ยากลำบากเหมือนกันที่จะตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดอินเทอร์เน็ต เพราะแค่พูดก็ง่าย ตัดสินใจไปทีเดียวก็ง่าย แต่เวลาตัดแล้วเกิดผลกระทบหลายอย่าง ต้องเทียบระหว่างมนุษยธรรมกับประโยชน์ของประเทศ และปัญหาของประชาชนในประเทศที่เกิดขึ้น หลายอย่างต้องเอามาคิด”

“วันนี้ที่ตัดสินใจทำ เพราะน่าจะมีเงื่อนไขที่หน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชายแดนได้รับผลกระทบ และเรายังคิดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของประเทศเขา ก็มีการคิดตามที่เสนอมาไปหมด แต่ในที่สุดเราคิดว่า หากเราเสนอโดยเอาประชาชนของเราเป็นหลัก และหาทางผ่อนคลายหลายเรื่อง ซึ่งเราก็เป็นห่วงโรงพยาบาล

จึงบอกไปว่าหากมีผู้ป่วยได้รับผลกระทบก็ให้ส่งมา สายตรงเปิดรับเข้ามาที่แม่สอดได้ รวมถึงเรื่องโรงเรียนเราก็คิดอยู่ แต่อยากทำให้เห็นว่าเรามีความจริงจังในการแก้ปัญหาให้ได้ ต้องถือว่าปฏิบัติการที่เราทำไปครั้งนี้ ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในการซีลชายแดน 2 ชั้น ได้ผลจากการที่ฝ่ายเขาออกมาบอกว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ และพร้อมที่จะช่วยเราเคลียร์ จนวันนี้เราสามารถเอาคนออกจากพื้นที่มากมาย”

นายภูมิธรรม กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่บอกว่าฝ่ายจีนเข้ามาเหมือนมีอธิปไตยเหนือเรา มาสั่งการเรา ยืนยันไม่ใช่ หากเราไม่อนุญาตให้เข้าก็เข้าไม่ได้ การทำงานครั้งนี้ต้องร่วมมือกันหลายส่วน การที่เราเสนอให้เขาเข้ามาและแสดงบทบาท เราตกลงกันในรายละเอียดแล้ว การพูดคุยวันที่ 19 ก.พ.จะหารือในเรื่องที่นายหลิว จงอี เดินทางไปเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา แล้วได้ผลเป็นอย่างไร

แต่ไม่ใช่ว่าต้องรอคุยจนจบถึงทำงาน อะไรทำได้ต้องทำไปก่อน เพราะชีวิตของคนที่ยากลำบากที่อยู่ในดินแดนนั้น ถูกบังคับข่มขู่ให้ทำงาน วินาทีเดียวก็สำคัญกับชีวิตมาก วันนี้ตนคิดว่าเราคลี่คลายปัญหาการส่งคนกลับบ้าน เมื่อเมียนมารับจะไปดูแล ซึ่งเราก็บอกว่าหากติดขัดอะไรก็ยินดีแก้ปัญหา ส่วนเราจะเน้นนำคนที่ทำความผิดภายในประเทศ กลุ่มตัวการสำคัญ เราจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ไม่มีปัญหา ซึ่งต้องดูว่าจากกระบวนการคัดกรองได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง

“เขามาตามที่เราอนุญาต เราไม่อนุญาตเขาก็เข้ามาไม่ได้ ผมเล่าให้สื่อฟังตั้งแต่แรกว่า เขาต้องเคารพอธิปไตยของเรา ไม่ใช่อยู่ๆ จะมาทำอะไรตามใจชอบ เขาจะมาแล้วขึงขัง อย่าไปคิดอะไรเยอะ บางคนผมอยากให้คิดบวกบ้าง ไม่ใช่มาถึงก็วิพากษ์วิจารณ์ จัดนู่นจัดนี่ สั่งนั่นสั่งนี่ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ เรื่องจริงของชีวิตต้องใช้ความมานะพยายามในการจัดการ ไม่ใช่มาโชว์แล้วบอกว่าตรงนั้นตรงนี้ มันไม่ใช่” นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามถึงการหารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้พูดคุยเรื่องการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไปพูดคุยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเรื่องการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติด ได้พูดคุยและกินข้าว ไปกันหลายคน และมีช่วงพูดคุยกัน 2 คน ทั้งหมด 2 รอบ รอบละ 45 นาที

เมื่อถามว่าการพูดคุยครั้งนั้นนำมาสู่การลงพื้นที่แม่สอดของ นายหลิว จงอี ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกเรื่อง เพราะปกติก็พูดคุยผ่านเอกอัครราชทูตจีน แต่เรื่องเหล่านี้เราไม่เคยเอามาแถลงข่าว สะท้อนให้เห็นว่าเราคุยกันแล้ว เราก็ทำงานกันมาตลอด

เมื่อถามถึงการส่งเลขานุการรัฐมนตรีไปร่วมคณะลงพื้นที่ กับนายหลิว จงอี ได้รายงานกลับมาอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า มอบหมายให้ไปเพราะอยากรู้ความคืบหน้า เหมือนเป็นตัวแทนของตนไปนั่งฟัง กลับมาเขาจะมาเล่าให้ฟังว่าจีนคิดอะไร ย่างไร และเมื่อนายหลิว จงอี มาพบตนก็คงได้คุยกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน