วิโรจน์ คนแรกเข้ารับทราบข้อหาคดี 44 สส.เสนอแก้ 112 มั่นใจสู้คดีได้ หวังป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรม เปิดให้ดูพยานหลักฐานก่อน ย้ำไม่กังวล ทำหน้าที่สส.ถูกต้อง ไม่มีคลิปลับเหมือนบางคน

เมื่อเวลา 09.55 น. วันที่ 21 ก.พ.2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เดินทางมารับฟังข้อกล่าวหาคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ป.ป.ช.นัดตนไว้เวลา 10.30 น. ซึ่งสส.แต่ละคนจะนัดวันแตกต่างกัน ขึ้นอยู่ว่าติดภารกิจหรือไม่ หรืออยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล ซึ่งยอมรับว่า การเคลียร์คิวต่างๆ มาตามหนังสือเชิญนั้น ค่อนข้างต้องใช้พลังงาน เนื่องจากเสียเวลาราชการ แต่ถือว่าเราพยายามให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.อย่างดีที่สุด ส่วนบางคนที่เลื่อนไม่ได้จริงๆ ก็ต้องเข้าใจเขาหมือนกัน

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การส่งหนังสือเชิญของ ป.ป.ช. คนที่อยู่พื้นที่ห่างไกลกลับถูกเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน ขณะที่คนบ้านใกล้ก็ถูกเลือกให้มาทีหลัง และมีหลายคนที่ถูกเรียกให้มาในวันพุธ และพฤหัสบดี ซึ่งปกติ ป.ป.ช.ควรรู้อยู่แล้วว่า การเชิญ สส. มาในช่วงดังกล่าว ทั้งที่มีการประชุมสภาฯ และยังอยู่ระหว่างสมัยประชุมนั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ป.ป.ช.เรียกมาได้อย่างไร เนื่องจากในระเบียบของ ป.ป.ช.ก็มีระบุ เรื่องการออกหมายเชิญอยู่แล้ว จึงต้องตั้งข้อความอีกว่า ทำไมไม่อ่านระเบียบที่ตัวเองเขียน

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในหนังสือเชิญ มีเพียงประเด็นเรื่องจริยธรรมอย่างเดียว ตนหวังว่าการที่ ป.ป.ช.ดำเนินการเรื่องนี้กับผู้อื่น ผู้ดำเนินการก็ควรมีจริยธรรมเช่นกัน ขั้นพื้นฐานที่สุด คือการปฏิบัติตามระเบียบที่ตัวเองเขียนมาอย่างเคร่งครัด

เมื่อถามว่าจะอธิบายกับ ป.ป.ช.อย่างไรบ้าง นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนพยายามดำเนินการเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด เข้าอกเข้าใจเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย โดยเมื่อตนได้รับหนังสือแล้ว จึงทำหนังสือขอตรวจพยานหลักฐานมาก่อน วันนี้ก็คาดหวังว่าการทำหนังสือล่วงหน้าของตนและมาตามนัดนั้น จะได้รับการอนุญาตให้ตรวจพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่สุด คือ ป.ป.ช.กลับทำทุกอย่างให้เหมือนกับการคดีอาญา เพราะกระบวนการนั้น ตนเข้าใจว่าน่าจะคล้ายคลึงกัน รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องจริยธรรม แต่เหตุใดจึงทำกับผู้ถูกกล่าวหา เหมือนผู้ก่อเหตุอาญา หรืออาชญากร เพราะหากจะทำเช่นนั้น ต้องเอาหลัก ป.วิอาญา มาใช้ด้วย ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา มีสิทธิ์ในเข้าถึงพยานหลักฐาน

ที่สำคัญที่สุด ความเป็นธรรมพื้นฐาน คือเรื่องระยะเวลา ที่ ป.ป.ช.มักใช้ระยะเวลาไต่สวนคดีต่างๆ เป็นปี แต่ถ้าอยู่ดีๆ มาเร่งรัดภายใน 15 วัน หรือกำหนดว่าต้องเท่านั้นเท่านี้ จะถูกตั้งข้อสังเกตเช่นเดียวกันด้วย หวังว่าตนจะได้รับความยุติธรรม

เมื่อถามถึงกรณีมีการเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวแก้ไข ม.112 ก่อนหน้านี้ รวมถึงการใช้ตำแหน่งเป็นนายประกันให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องขอตรวจพยานหลักฐานที่ใช้กล่าวหาก่อน แต่ยืนยันว่าการเป็น สส. ที่ไปร่วมรับฟังความเห็นของประชาชน ซึ่งเป็นความเห็นแตกต่างกันในประเทศนี้ เป็นหน้าที่ของเราด้วยซ้ำ ย้ำว่า ทุกอย่างทำโดยเปิดเผย สุจริต ดังนั้น จึงไม่มีความกังวล

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการใช้ตำแหน่ง ส.ส. ประกันตัวผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ก็เป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนมีสิทธิ์จะได้รับการประกันตัวในการต่อสู้คดี และต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา เพียงแต่ สส.เข้าไปใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเอง เพื่อให้ประชาชนได้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่าจะใช้เรื่องการประกันตัวต่อสู้ในคดีด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ขอดูพยานหลักฐานก่อน จะพูดไปก่อนไม่ได้ โดยที่ยังไม่เห็นพยานหลักฐาน หาก ป.ป.ช.ไม่ให้ดูพยานหลักฐานที่กล่าวหา ตนคิดว่าประชาชนและสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตได้ เพราะเราจะชี้แจงข้อเท็จจริงได้อย่างไร ถ้าไม่ให้เราดูพยานหลักฐาน หรือเข้าถึงได้เพียงบางส่วน ยืนยันว่าที่ผ่านมา ตนและเพื่อน สส.อีก 43 คน ทำทุกอย่างแบบเปิดเผยโปร่งใสทั้งหมด ไม่เคยงุบงิบ ซึ่งการทำเช่นนี้ก็สะท้อนว่าสุจริตอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าในข้อกล่าวหามีการระบุหรือไม่ ว่าเป็นเหตุการณ์อะไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า ไม่เลย ใช้แค่คำว่าเรื่องมาตรฐานจริยธรรม จึงยังไม่ทราบรายละเอียด วันนี้บังเอิญว่า คนอื่นอาจจะยังเคลียร์ตารางไม่ได้ ตนจึงพยายามเคลียร์ทั้งหมด เพื่อเข้ามาก่อน

คาดว่ามีการส่งหนังสือเรียกครบทั้ง 44 คนแล้ว แต่ตนเป็นคนแรกที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ย้ำว่าทุกการกระทำ เปิดเผย โปร่งใส ไม่มีแอบทำ ไม่มีคลิปลับแบบที่ถูกเปิดเผยกันก่อนหน้านี้ ทำอะไร ซื่อสัตย์ เป็นธรรม มืออาชีพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามสโลแกนของ ป.ป.ช. อยู่แล้ว

ยืนยันว่าถ้าเขากล่าวหาอะไรมา เราก็ชี้แจงตามคำข้อเท็จจริงไป เราไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นไปตามจริยธรรม

“เราตั้งพรรคขึ้นมา หากพูดถึงการทำงาน ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล จนถึงประชาชน เราพูดอยู่เสมอว่า เราต้องสร้างพรรคของเราให้เป็นสถาบันทางการเมือง สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ได้ ไม่อยากให้องค์กรของเราเกิดการบูชาตัวบุคคล เพราะอะไรก็ตามที่ยึดโยงเช่นนั้น ไม่มีความยั่งยืน” นายวิโรจน์กล่าว

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะสู้คดีได้ใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ถ้าไม่มั่นใจ คงไม่มา

เมื่อถามว่าเป็นการเช็กบิล ส.ส.ก้าวไกลเดิมหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า คงต้องถาม ป.ป.ช. ถามตนไม่ได้ เราต้องให้ความร่วมมือตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น จริงๆ แล้ว ป.ป.ช.เป็นหน่วยงานที่ตนชื่นชมอย่างมาก เชื่อว่า ข้าราชการน้ำดี หากถูกสั่งให้ทำอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ตนก็เชื่อว่าข้าราชการเหล่านั้น จะไม่ยอมให้เกิดสิ่งที่ไม่ถูกต้องแน่นอน

ข้าราชการ ป.ป.ช. บอกกับตนมาตลอดว่า ต้องทำตามความถูกต้อง เพราะมีผู้หลักผู้ใหญ่ หรือมือมืดที่คอยสั่งการอยู่หลังม่าน พอเกิดการดำเนินคดีขึ้น เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไร ดังนั้น การถูกต้องเท่านั้นที่ทำให้ความเป็นข้าราชการดำเนินต่อไปอย่างมีศักดิ์ศรี จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันจับตาอย่างใกล้ชิด และเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการที่ยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่ดีเยี่ยมโปร่งใส

เมื่อถามว่าหากย้อนกลับไปยังจะเสนอแก้ไข ม.112 อยู่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้กระทำการอย่างบุ่มบ่าม แต่ทำตามหน้าที่ในการแก้ไขกฎหมาย จึงไม่มีอะไรที่รู้สึกว่าถ้าย้อนกลับไป จะต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่มีสักแวบที่คิดว่าผิด เพราะเราดูกฎหมายมาก่อน

หากสิ่งที่พวกตนทำนั้นผิด ก็คงมีอาจารย์ระดับที่ได้การยอมรับในระดับสากลหรือประเทศ ออกมาติติงพวกตนแล้ว ยืนยันว่า พวกตนไม่ได้ดำเนินการตามอำเภอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน