โรม ท้า ‘ทักษิณ’ พูดแฟร์ๆ พร้อมถูกตรวจสอบ เหน็บเพื่อไทย ไม่ได้เจ๋งจริง อย่ามาสั่งสอนฝ่ายค้าน แซะ ‘สุทิน’ ทำตัวเป็นโรนัลโดสภาฯ โว มีหมากเด็ดซักฟอก
เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 13 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อมในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ว่า ตนมั่นใจว่ามีการอภิปรายแน่นอน
แต่จะเห็นว่าญัตติการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านที่มีการใส่ชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ามานั้น เราก็เห็นผู้ประท้วงคนแรกแล้ว แม้จะยังไม่ได้เริ่มต้นอภิปราย ยืนยันว่าเราไม่ต้องมาเถียงกันเรื่องกฎเกณฑ์กติกาอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่เหมือนกับญัตติทั่วไป อะไรก็ตาม ในระบบรัฐสภามีกฎเกณฑ์เรื่องการควบคุมอยู่
ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำผิด แต่เป็นการใช้อำนาจโดยพลการของประธานสภาผู้แทนราษฎรในการบังคับพวกเราให้ถอนชื่อนายทักษิณออก หากไม่ถอนชื่อนายทักษิณออกก็จะไม่ให้อภิปราย โดยภายในวันนี้จะไปพูดคุยกับประธานสภาฯ ในเรื่องนี้ ส่วนการเตรียมความพร้อมของตนนั้น ขณะนี้กำลังเตรียมอยู่ ยืนยันว่าช่วงวันที่ 24 มี.ค.นั้น จะได้เห็นการอภิปรายของตนแน่นอน
ผู้ที่ประท้วงคนแรก แม้จะอยู่ในฝ่ายรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าที่สส.ทั่วไป หรือไม่ได้เป็นรัฐมนตรี แต่กลับเป็นประธานสภาฯ ที่ประท้วงคนแรก ฉะนั้น ผมคิดว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้อาจเป็นไปได้ว่า การแตะต้องนายทักษิณนั้นคงมีแรงต้านสูงจากฝั่งรัฐบาล ซึ่งแปลกประหลาดมาก
ท่านเองอยากมีส่วนร่วมในการบริหารราชการแผ่นดินในหลายเรื่อง ที่ผ่านมาเรากลับไม่เคยได้ยินนายกฯ พูดถึงวิสัยทัศน์หรือทิศทางของบ้านเมืองอะไรเลย ได้ยินแต่นายทักษิณ ขณะเดียวกันการที่ฝ่ายค้านจะตรวจสอบนายกฯ และอาจมีการผูกโยงให้เห็นภาพว่านายทักษิณอาจเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แม้จะไม่ได้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายทักษิณโดยตรง แต่กลับกลายเป็นว่าทุกฝ่ายมีแรงต้านมา
“ซึ่งคงต้องถามกลับไปที่นายทักษิณว่า นายทักษิณเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบัญชาการเรื่องนี้หรือไม่ หรือนายทักษิณสามารถพูดแฟร์ๆ ออกสื่อได้เลยว่าสามารถพาดพิงได้ ผมพร้อม ผมเป็นคนสาธารณะที่สามารถตรวจสอบได้ หากท่านพูดแฟร์ๆ แบบนี้ บรรดานั่งร้านทั้งหลายก็จะได้ไม่ต้องมาใช้เวทีนี้ในการเอาซีนปกป้องนาย และจะสามารถทำให้ฝ่ายค้านนั้นสามารถทำหน้าที่ได้มากกว่า” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีการพาดพิงจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า หากฝ่ายค้านไม่อภิปรายนายทักษิณก็จะไม่มีเรื่องอภิปรายเลย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นวิธีการของพรรคเพื่อไทยที่พยายามทำตัวเหนือกว่าคนอื่น พยายามทำตัวเหมือนสั่งสอน แต่ตัวเองก็ไม่ได้มีคุณค่าหรือความสามารถอะไรที่จะมาสั่งสอนคนอื่นได้ ถามว่าตอนที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลในขณะนั้นเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน การอภิปรายของพรรคเพื่อไทยในเวลานั้น มันดีจนเป็นที่น่าจดจำหรือไม่ ก็ไม่
ทั้งนี้ หากไปดูนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาพูดราวกับสอนนั้น พูดกี่ชั่วโมง แล้วถามว่ามีเนื้อหาเท่าไหร่ ก็นิดเดียว แต่กลับพูดราวกับว่าตัวเองเก่งแน่ ราวกับนี่คือมหัศจรรย์ นี่คือโรนัลโดแห่งสภาฯ
ตนคิดว่าอย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป ขอให้รอดูการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ยืนยันว่าการทำหน้าที่ของเราไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของน้ำท่วมทุ่ง แต่อยู่บนพื้นฐานของเนื้อหาสาระ การทำหน้าที่ของเราในครั้งนี้เราเตรียมตัวมาดี และเรายังมีอีกหลายคนที่เป็นหมากเด็ดแน่นอน สิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้เห็นก็จะได้เห็น
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะต้องระวังเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายทักษิณมากขึ้นหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราอยากให้ประชาชนรู้ความจริงมากที่สุด เราจึงพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หากต้องมาระมัดระวังเพื่อให้ความจริงไม่ประจักษ์ต่อประชาชน นั่นไม่ใช่พรรคประชาชน
ยืนยันว่าหากเรื่องไหนที่นายทักษิณเข้าไปเกี่ยว เราก็จะอภิปราย แต่ไม่ได้เป็นการอภิปรายโดยตรง ยืนยันว่านี่คือการทำหน้าที่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยในกรณีคือนายกฯ หากต้องมีองค์ประกอบ คือคนนั้นคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็มีความจำเป็น
“ถามว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นนายกฯทำได้คนเดียวหรือ ต้องมีบุคคลภายนอก ฉะนั้น ผมคิดว่าวันนี้สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยทำตัวเป็นคนที่แกล้งไม่เข้าใจ ไม่รู้แกล้งหรือไม่ แต่ตัวท่านเองก็เข้าใจ เพราะเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีการพาดพิงบุคคลภายนอกไม่ได้น้อยไปกว่าพวกเรา แต่วันนี้พอตัวเองต้องมาอยู่ในบทนี้ ก็พยายามตีฆ้องร้องป่าว เขียนเสือให้วัวกลัว ทำตัวราวกับว่าเป็นพระอรหันต์ แต่ขอโทษเถอะ พอไปดูเนื้อหาสาระไม่มีเลย” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าพร้อมใช่หรือไม่ ถ้าหากอภิปรายแล้วอาจจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนพร้อมยืน 3 ชั่วโมงในการอภิปราย ส่วนเรื่องการฟ้องหมิ่นประมาทนั้น ตนถูกฟ้องดำเนินคดีมาเยอะแล้ว ซึ่งไม่สามารถควบคุมหรือห้ามให้ใครมาฟ้องได้ แต่การทำหน้าที่ของตนคือการทำหน้าที่เพื่อประชาชน ทำหน้าที่เหมือนเป็นวันสุดท้ายเสมอ
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า วันนี้เราเจอความท้าทายเรื่องกระบวนการยุติธรรมมากมาย ได้แต่วิงวอนว่าอย่างน้อยเมื่อฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ ขอให้ความยุติธรรมกับคนเหล่านี้บ้าง ประเทศจะได้มีความทัดทานไม่ให้ทุกอย่างแย่ไปกว่านี้ และเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าทำอย่างนั้น ประธานสภาฯ จะต้องแบกรับผลลัพธ์ทางกฎหมาย วันนี้คงหาทางออกกันได้