ทักษิณ เข้าใจ ดีเอสไอ ทำตามกระบวนการ บิดเบี้ยวไม่ได้ ปมคดีฮั้วสว. รับคุย ‘อนุทิน-เนวิน’ จริง แค่ให้คำปรึกษาไม่มีอำนาจสั่งการ ยันเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาลแน่น
เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 14 มี.ค.2568 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีฮั้วสว. เป็นคดีพิเศษฐานความผิดฟอกเงิน จนทำให้สว.ยื่นถอดถอนพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ว่า เราสรุปเร็วไปนิด เวลาใครไปยื่นเรื่องก็รับเรื่องไว้พิจารณา แต่ไม่ได้หมายความว่ารับแล้วจะต้องถูกหรือผิด
แต่กระบวนการเริ่มต้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เชิญดีเอสไอ เข้าไปร่วมเป็นกรรมการสอบเรื่องของสว. เมื่อดีเอสไอสั่งให้เป็นกรรมการร่วม คนก็ไปแจ้งความที่ดีเอสไอ ทำให้ดีเอสไอมีหลักฐานเยอะ ในเมื่อกกต.เป็นคนเริ่ม แต่ไม่ได้รับเรื่องไปทำเอง ดีเอสไอจึงรู้สึกว่าเมื่อได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่จึงทำต่อ เมื่อกระบวนการเป็นอย่างนี้ ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการ ใครจะทำอะไรได้
เมื่อถามว่าไม่ใช่ความต้องการที่จะล้าง สว.สายสีน้ำเงินใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย
ต่อข้อถามว่าล่าสุดที่ได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย และนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวยอมรับว่าได้พูดคุยกัน ตนก็บอกว่าเมื่อกระบวนการมันเริ่มไปแล้ว มันต้องเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีใครสามารถไปบิดเบี้ยว หรือไปหยุดกระบวนการได้
เมื่อถามว่าคนภายนอกมองว่าเรื่องนี้ดูซอฟต์ลง เพราะปรากฏข่าวนายอนุทิน และนายเนวินเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า นายทักษิณ กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องพูดคุยกันบ้างเป็นธรรมดา ตนในฐานะเป็นคนแก่ทางการเมือง ก็มีคนแวะเข้าไปขอคำปรึกษา ตนก็ให้คำปรึกษาไป แต่ไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น ให้คำปรึกษาและแนะนำในฐานะที่เคยทำงานด้วยกันมา เพราะตนเคยเป็นหัวหน้าพรรค เขาก็เคยเป็นลูกพรรคของตนมา ฉะนั้น เป็นเรื่องธรรมดาไม่มีอะไร
ต่อข้อถามว่าเขารับฟังคำแนะนำของท่านดีใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็ให้คำปรึกษาไป แต่เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือทำได้หรือไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเขา เราในฐานะคนแก่ก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษา
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันว่ารัฐบาลมีความแน่นแฟ้นดีใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนก็ไม่เห็นว่ามีอะไร