ประธาน กกต. เผยนายก อบจ.ลำพูน พรรคประชาชน ถูกร้องหาเสียงใส่ร้ายคู่แข่ง อยู่ระหว่างพิจารณาในชั้นจังหวัด แจงขั้นตอนกว่าจะตัดสินตามกรอบใช้เวลา 1 ปี
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯแจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงสำนักงาน กกต.ลำพูน ตรวจสอบนายวีระเดช ภู่พิสิฐ นายก อบจ.ลำพูน พรรคประชาชน หลังถูกร้องเรียน ว่า ขณะนี้มี 1 คำร้อง ตามมาตรา 66 และมาตรา 65 (5) โดยเรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน กกต.ลำพูน
หากเห็นว่ามีข้อเท็จจริง มีหลักฐานเบื้องต้นเพียงพอ ก็จะรับเป็นสำนวน และเข้าสู่กระบวนการสืบสวนไต่สวน ตามระเบียบว่าด้วยการสืบสวนไต่สวน กกต. เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ก็จะให้ผอ.กกต.ประจำจังหวัด ให้ความเห็นประกอบก่อนส่งเข้ามายังกกต.ส่วนกลาง จากนั้นกกต.ส่วนกลาง จะจัดทำความเห็นโดยเลขาธิการ กกต. แล้วเข้าสู่ชั้นอนุกรรมการ ก่อนส่งเรื่องไปยัง กกต. แต่ถ้าเห็นว่าคำร้องดังกล่าวมีข้อมูลไม่เพียงพอแล้วจะยกคำร้อง ก็ต้องเสนอที่ประชุม กกต.
เมื่อถามว่าคำร้องดังกล่าวระบุพฤติการณ์ของนายวีระเดช เป็นการหาเสียงใส่ร้ายคู่แข่งหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ทำนองนั้น แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นเรื่องร้องเรียน เพราะต้องให้อิสระในการทำงานทุกขั้นตอน
ขณะที่กรอบเวลาดำเนินการนั้น ในระดับจังหวัดให้เวลา 90 วัน โดยคณะสืบสวนไต่สวนรับเรื่องมาแล้ว ต้องดำเนินการให้เสร็จภายในกรอบแรก 20 วัน แต่หากต้องหาพยานหลักฐาน และสอบปากคำพยานบุคคล ก็ขยายได้เพิ่มครั้งละ 15 วัน แต่ไม่เกิน 90 วัน
เมื่อส่งเรื่องมาถึงส่วนกลางให้เวลา 60 วัน ก่อนจะเสนอไปยังคณะอนุกรรมการวินิจฉัยและชี้ขาดคดี ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 90 วัน เมื่อครบกรอบเวลาแล้วต้องเสนอ กกต.พิจารณาโดยไม่ชักช้า กระบวนการทั้งหมดให้ใช้เวลาได้ไม่เกิน 1 ปี เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน
เมื่อถามถึงภาพรวมการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง อบจ. นายอิทธิพร กล่าวว่า ขณะนี้การประกาศผลรับรองทั้งนายก อบจ. และสมาชิก อบจ. ประกาศทั้งหมดแล้ว แต่สมาชิก อบจ.มีอยู่ 2 กรณีที่ไม่ได้ประกาศคือ กรณี จ.ฉะเชิงเทรา และจ.ตราด ที่ให้ใบส้ม หลังรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ยังมาสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 12 เม.ย.นี้
อีกกรณีที่ต้องเลือกตั้งใหม่ 3 จังหวัด คือ จ.ตรัง สุพรรณบุรี และชุมพร ซึ่งต้องเลือกตั้งใหม่เพราะมีผู้สมัครคนเดียว แต่ได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ 10 และได้คะแนนเสียงน้อยกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใด
