“โรคความดันโลหิตสูง” ฆาตกรเงียบใกล้ตัว หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทั่วโลกพบเสียชีวิตมากกว่า 7 ล้านคน ในขณะที่ไทยในรอบ 5 ปี (พ.ศ. 2556 – 2560) ป่วยเพิ่มจาก 3.9 ล้านคน เป็น 5.5ล้านคน กรมควบคุมโรค เตือน!! อย่าชะล่าใจ ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว ไม่มีอาการแสดง ควรหมั่นตรวจสุขภาพและวัดความดันโลหิตอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆที่อาจอันตรายถึงชีวิต

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า “โรคความดันโลหิตสูง”หรือ ภาวะความดันโลหิตสูง คือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชากรทั่วโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เป็นปัญหาที่กำลังขยายวงกว้างและมีความรุนแรงมากขึ้นทั่วโลกทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งภาวะความดันโลหิตสูงจะไม่มีสัญญาณเตือนหรืออาการแสดงให้เห็น จึงมักจะถูกเรียกว่าเป็น“ฆาตกรเงียบ” ผู้ป่วยจำนวนมากเป็นโรคนี้โดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตนเองมีภาวะความดันโลหิตสูง และจะไม่มีสัญญาณเตือนหรืออาการบ่งชี้โรคให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการดูแลรักษาจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ตามมามากมาย เช่น โรคหัวใจโรคหลอดเลือดสมอง โรคไตเรื้อรัง อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ

สาเหตุของการเกิดโรคความดันโลหิตสูงนั้น ส่วนใหญ่มาจากการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่นการมีกิจกรรมทางกายน้อย การบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของเกลือและไขมันสูง การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังเกิดได้จากปัจจัยทางพันธุกรรมหากพบคนในครอบครัวเป็นโรคความดันโลหิตสูงโอกาสที่คนอื่นๆในครอบครัวจะเป็นโรคชนิดนี้ก็จะเป็นไปได้สูงมาก

นพ.สุวรรณชัยกล่าวเพิ่มเติมว่าจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่า“โรคความดันโลหิตสูง”เป็นสาเหตุการตายของประชากรทั่วโลกสูงถึง 7.5 ล้านคนหรือร้อยละ 12.8 ของสาเหตุการตายทั้งหมด และพบว่าทั่วโลกมีผู้ที่มีความดันโลหิตสูงจำนวนมากถึงเกือบพันล้านคน สองในสามจะอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา และยังมีการคาดการณ์อีกว่าในปี พ.ศ. 2568 ความชุกของโรคความดันโลหิตสูงทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น1.56 พันล้านคน ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทยพบว่าอัตราการป่วยโรคความดันโลหิตสูงต่อประชากร 100,000 คน ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2556 – 2560) เพิ่มขึ้นจาก 3,936,171 คน เป็น 5,597,671 คนและพบอัตราป่วยโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ต่อประชากร 100,000 คน ในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมา(พ.ศ. 2558 – 2560)เพิ่มขึ้นจาก 540,013 คน เป็น 813,485 คน

ปัจจุบันสถานการณ์ของโรคความดันโลหิตสูงทวีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งยังมีข้อมูลที่บ่งชี้ด้วยว่าในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง มีเพียงร้อยละ50 เท่านั้นที่ทราบค่าระดับความดันโลหิตของตัวเอง และมีเพียงส่วนน้อยที่ตระหนักต่อโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งการทราบค่าความดันโลหิตของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและตระหนักในการป้องกันตนเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ จากภาวะความดันโลหิตสูงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าชะล่าใจโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป หรือผู้ที่เป็นโรคนี้อยู่แล้ว ควรใส่ใจในการป้องกันด้วยการควบคุมความดันโลหิตของตนเองให้เป็นปกติอย่างสม่ำเสมอ โดยหมั่นตรวจสุขภาพและวัดค่าความดันโลหิตอย่างน้อยปีละครั้งและต้องรู้ค่าตัวเลขและความหมายของค่าความดันโลหิตของตนเอง เมื่อมีความเสี่ยงหรือกำลังเผชิญกับโรคแล้วจะสามารถรับมือได้ทัน ซึ่งทางสมาพันธ์ความดันโลหิตโลกกำหนดค่าความดันโลหิตที่เหมาะสม คือ ตัวบน(ค่าความดันขณะหัวใจบีบตัว)ไม่ควรเกิน 120 ค่าตัวล่าง(ค่าความดันขณะหัวใจคลายตัว)ไม่ควรเกิน 80 กล่าวคือในคนปกติจะมีระดับความดันโลหิต 120/80

“นอกจากนี้โรคความดันโลหิตสูงยังสามารถป้องกันได้ด้วยการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หากอ้วนให้รีบลดน้ำหนัก รับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน มัน เค็มจัด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดการสูบบุหรี่และงดดื่มสุรา พักผ่อนให้เพียงพอและทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ หากมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422” นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน